สัญญาปางหลวง 4

ตามที่ได้กล่าวไว้ในสัญญาปางหลวง 3 ว่า เพราะความแค้นที่อุนุกล่าว ตู่เอารัฐฉานซึ่งเป็นคนละชาติพันธุ์กับพม่า เป็นดินแดนของพม่า อีกทั้งคำๆ นี้เป็นคำที่เผยให้เห็นความจริงใจของพม่าว่าที่วิงวอนให้เขาอยู่ร่วมสิบปีนั้น แท้ที่จริงก็เพื่อทำลายชาติพันธุ์เหล่านั้น ให้เขาสิ้นสภาพไปเสีย จะได้ไม่แยกออกจากพม่าไปได้ เจ้าฟ้าแห่งสีป้อจึงหมดความอดทน ยกมือขอพูด ขณะที่ผู้นำชาติพันธุ์อื่นเงียบกริบ! เมื่ออุนุอนุญาต ท่านจึงอภิปรายอย่างเผ็ดร้อนว่า การที่ท่านนายก กล่าวว่า ให้ทางผู้นำเผ่าต่างๆ เสนอหลักการในการบริหารประเทศมาให้รัฐบาลพม่าพิจารณานั้น เห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไรเลย ที่จะต้องเสนอให้รัฐบาลพม่าทราบ เพราะสัญญาปางหลวง เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2490 และบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญบทที่ 10 และมาตราที่ 10 ว่าด้วยการรวมและแยก ได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นเอกสิทธิ์ของชนชาติของเขา ที่จะไปดำเนินการกันเอง ไม่ควรที่รัฐบาลพม่าจะมายุ่งเกี่ยวอะไรเลย เพราะชนชาติทุกเผ่าในสหภาพนี้ ล้วนเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาด้วยกัน เมื่ออังกฤษมอบเอกราชให้แล้ว ทุกคนก็มีสิทธิที่จะดำเนินการของเขาเองตามลำพังผู้เดียว

การที่อ้างว่า ในขั้นแรกให้ผู้นำทุกเผ่าเสนอหลักการมาให้พม่าตรวจดูก่อนหน้านั้น มันเป็นการผิดธรรมเนียม ที่ชาติเอกราชอื่นเขาไม่ทำกัน ชาติไตในขณะนี้มิได้เป็นเมืองขึ้นของพม่า ไตกับพม่าร่วมเรียกร้องต่อสู้เอกราชมาด้วยกัน และได้เอกราชคืนมาในวันเดียวกัน แต่ฝ่ายพม่าได้ชักชวนให้มาอยู่ร่วมกันก่อน เพื่อความเป็นปึกแผ่นของชนชาติที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ และอังกฤษได้เตือนสติว่า ควรไปอยู่กับไทยสยาม (หมายถึงประเทศไทย) พันตำรวจเอกทูนหยิ่น ได้เตือนใจพวกเจ้าฟ้าส่วยไต และบุคคลชั้นนำ ของเขาว่า พม่าจะไม่รักษาคำพูด แต่เราเชื่อว่า บัดนี้ท่านนายกฯอุนุ ได้พูดว่าจะคืนเอกราชให้แก่เราและชนชาติกลุ่มน้อยต่างๆ เราขอเชื่อเกียรติของท่าน

ก่อนจบ เจ้าฟ้าสีป้อ ย้ำอย่างเผ็ดร้อนว่า ขั้นแรกพม่านำกองทัพพม่าเข้ามาในรัฐฉาน โดยอ้างว่าจะเข้ามาเพื่อขับไล่ทหารจีนกองพลที่ 93 ที่เข้ามาอยู่ในเขตรัฐฉาน แต่ตอนนี้กองพลที่ 93 ถอนออกไปอยู่ไต้หวันหมดแล้ว พม่าก็ควรจะถอนทหารพม่าออกไปจากแผ่นดินของไตใหญ่ด้วย ซึ่งเป็นดินแดนของมหามิตรของพม่า ดังที่พม่าเคยออกปากเรียกไตใหญ่ว่ามหามิตร ตอนที่มาอ้อนวอนไตใหญ่ให้มาเซ็นชื่อขอเอกราชจากอังกฤษแล้วอยู่ร่วมกันสิบปีก่อนถึงแยกตัวออกไป ทุกคำตอนนั้นท่านเรียกไตว่ามหามิตร แต่บัดนี้รัฐบาลพม่ากลับส่งกองทัพพม่าเข้าไปยึดครองดินแดนของไต จะไม่เรียกว่าล่วงล้ำอธิปไตยกันหรือ หรือตอนนี้ ไม่ถือว่าเป็นมหามิตรกันแล้ว เพราะแบบฉบับที่ใช้กำลังทหารเข้าไปรุกรานนั้น ทุกคนทราบดีแก่ใจว่า หมายความว่าอย่างไร มันก็คือเข้าไปยึดครองนั่นเอง จึงทำให้ขบวนการกู้ชาติไตเกิดขึ้น เพื่อหาทางขับไล่กำลังทหารพม่าให้ออกไปจากดินแดนของไตให้หมด

หลังท่านกล่าวจบ บันทึกของกองทัพกู้ชาติที่ อัคนี มูลเมฆ ได้มา มิได้บันทึกไว้ว่า ปฏิกิริยาของพม่า และชาติพันธุ์เป็นอย่างไร แต่เราเดาได้ว่า พม่าแค้นจัด โดยเฉพาะเนวิน ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด คงรำพึงในใจว่า คืนนี้กูจะฆ่ามึง เพราะผู้นี้เตรียมการยึดอำนาจจากรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งไว้แล้ว แล้วผู้อ่านจะได้ทราบต่อไป ส่วนเจ้าฟ้าและผู้นำชาติพันธุ์ต่างๆ ก็เป็นห่วงว่าเจ้าฟ้าจาแสงน่าจะไม่ปลอดภัย เพราะทุกดินแดนของชาติพันธุ์ พม่าตั้งกองทัพ และตำรวจไว้ทุกดินแดนแล้ว ตี 4 ของคืนวันนั้นเอง เนวินก็ยึดอำนาจจากรัฐบาลของอุนุ บรรดาเจ้าฟ้าและผู้นำชาติพันธุ์ ที่นอนฝันหวานถึงอิสรภาพชนชาติของตนในวันรุ่งขึ้น ณ โรงแรมกัมโพช หลังจากสิ้นสุดการเลี้ยงอย่างมีเกียรติแล้ว ก็ถูกจับทั้งหมด เนวินยึดอำนาจคราวนี้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ เลิกพรรคการเมือง ใช้ทหารปกครองพม่าถึงยี่สิบปี นั่นคือจุดหมายที่พม่าต้องการยึดดินแดนของทุกชาติพันธุ์มาเป็นของตน สำหรับเจ้าฟ้าสีป้อ มิได้บรรทมอยู่ที่โรงแรมกัมโพช เพราะพระองค์มีตำหนักอยู่ในเมืองย่างกุ้ง การจับตัวท่านจึงค่อนข้างอลเวง เพราะมีเรื่องบังเอิญหลายเรื่อง นั่นเป็นเพราะบุญของท่าน หรือบาปของท่านก็เหลือที่จะเดา เพราะถ้าถูกจับพร้อมกันท่านอาจยังไม่ตาย เนวินคงไม่กล้าแยกท่านไปทางไหน เพราะสายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ แต่เมื่อท่านบรรทมที่ตำหนักและในคืนนั้น ท่านทราบว่าพี่สาวของท่านที่เมืองตองยีเมืองหลวงของรัฐฉาน เจ็บหนัก ท่านจึงตื่นแต่เช้ามืดรีบเดินออกจากตำหนัก เพื่อไปเยี่ยมพี่สาวที่เมืองตองยี การยึดอำนาจของ
เนวินท่านจึงไม่รู้เรื่อง ขณะเดียวกันเจ้าฟ้าและผู้นำชาติพันธุ์ที่นอนอยู่โรงแรม ถูกจับไปขังคุก ในวันรุ่งขึ้นนั่นเอง

Advertisement

มันช่างเป็นเวรกรรมของไตใหญ่จริงๆ หนอ! สมัยเมื่อกษัตริย์พม่าปกครองรัฐฉาน เมื่อในพม่าขาดเงินก็บังคับเก็บภาษีจากรัฐฉานและชาติพันธุ์อื่นๆ ถ้าไม่ได้ตามที่ต้องการกษัตริย์พม่าจะทำสองอย่างคือ เรียกเจ้าฟ้าผู้ปกครองไปกักตัวไว้ ในราชสำนักพม่า ถ้าโกรธมาก ก็จะเผาเมือง นั่นคือสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนไต เพื่อให้ชาวไตสำนึกรู้ว่า เมื่อพม่าต้องการอะไร ไตต้องส่งให้ มิฉะนั้น จะเดือดร้อนกันแบบนี้ เมื่ออังกฤษปกครอง ชาวไตมีความสุขมาก จึงภักดีต่ออังกฤษตลอดมา แม้ขณะญี่ปุ่นยึดครองพม่า ชาวไตและชาติพันธุ์ก็สมัครเป็นทหารและหน่วยเสรีไต ต่อต้านญี่ปุ่น เหมือนเสรีไทยของไทยฉะนั้น แต่พออังกฤษให้เอกราชแล้ว ฉานก็เชื่อพม่ากลับมาอยู่กับเขาอีก คราวนี้โดนเหมือนเดิม และหนักพอๆ กับที่กษัตริย์ทำ ขอให้สังเกตดูว่า พม่าหลอกให้ฉานและชาติพันธุ์มาอยู่ร่วมกันสิบปีนั้น เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2491 (1948) พอย่างเช้าปี พ.ศ.2492 เจ้ากรรมเอ๋ย! พอถึงปี พ.ศ.2492 (1949) จีนแดงก็ขับไล่กองพลที่ 93 และกองทัพที่ 8 ประมาณ 5,000 คน ถอยกรูดๆ มาออกันอยู่ที่ชายแดนรัฐฉานกับจีน พม่าก็แอบกวักมือเรียกจีนขาวเข้ามาตั้งกองกำลังในรัฐฉาน ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน บริเวณเมืองยาง ป่าเลียว เชียงลับ เมืองสาด และเขตรัฐว้า เนวินคงมุ่งให้จีนขาวทำความเดือดร้อนให้ไตใหญ่ แทนตนตามที่เล่าไว้บ้างแล้วตอนต้น ถึงปี พ.ศ.2493 เครื่องบินไม่ปรากฏสัญชาติของ CIA ได้บินไปยังเมืองสาด วันละ 5 เที่ยว เพื่อส่งยุทธปัจจัยและอาหาร ให้ท่านเจียงไคเช็ก เพื่อเข้ายึดเมืองยูนนานคืน ขณะเดียวกัน ซีไอเอ กับ ท่านเจียง ก็ร่วมมือกันผลิตยาเสพติดขาย เพื่อหาทุนข้ายึดจีนกลับคืนมา

เดือนเมษายน พ.ศ.2494 ทหารท่านเจียงไคเช็ก ประมาณ 2,000 นาย ก็รุกจากเมืองนาย ในรัฐว้าเข้ายึดเมืองยู้ของจีน แต่ชาวจีนไม่ให้ความร่วมมือ ทหารท่านเหมาเจอตุงก็ขับไล่กลับออกมา กองทัพจีนขาวก็ยังไม่มั่นใจว่า ชาวจีนจะภักดีต่อคอมมิวนิสต์ จึงส่งทหารเข้าไปรุกเข้าไปอีก แต่คราวนี้เริ่มจากเมืองยาง รัฐเชียงตุง ชาวจีนก็ไม่ให้ความร่วมมือ ทัพแดงก็ขับไล่ออกมาเป็นครั้งที่สอง ถึงครั้งที่สาม ท่านเจียงไคเช็ก และซีไอเอ ก็ยังไม่หายสงสัย คราวนี้จึงส่งทหารไป 2,100 คนเข้าไปเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2495 แล้วก็เหมือนเดิม คือถูกทหารรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ ตีโต้ตาเหลือกกลับออกมา คราวนี้หมดความสงสัย ทหารจีนก๊กมินตั๋ง จึงตั้งตัวเป็นขุนศึกเหนือประชาชนฉาน ค้ายาเสพติดหาความร่ำรวยใส่ตน พร้อมกับบอกวิชาทำยาเสพติดต่างๆ ให้แก่ชนชาติว้ามาจนถึงทุกวันนี้

คราวนั้นจีนขาวนำความทุกข์ระทมมาให้ชาวฉาน 10 เรื่อง คือหนึ่ง บังคับใช้แรงงาน ริบข้าวของและอาหารของประชาชน สอง บังคับหญิงสาวชาวฉานมาเป็นภรรยา เป็นนางบำเรอ เมื่อเบื่อแล้วขายไปเป็นโสเภณี สาม สังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ และทุบตีชาวฉานที่ทำให้โกรธ สี่ ปล้น ลักพาตัว ข่มขืน ทำลายพืชผลของชาวฉาน ห้า พิมพ์ธนบัตรปลอม และค้าทองปลอม หก บังคับให้ขุดสนามเพาะ สร้างป้อมค่าย สร้างสนามบิน เจ็ด ดูหมิ่นสถานที่เคารพ ทำลายหลุมฝังศพ ทำลายเจดีย์เพื่อดูหมิ่นชาวฉานที่เคารพสถานที่
ดังกล่าวนั้น แปด ต่อมาเมื่อพม่านำทหารเข้ามาในรัฐฉานได้เกิดการสู้รบกันขึ้น ระหว่างจีนกับพม่า ทำให้บ้านเรือนชาวฉานถูกทำลาย ชาวฉานผู้บริสุทธ์ล้มตาย ฝูงวัวควายล้มตาย สัตว์ถูกยึดเป็นอาหาร สภาพการณ์ดังกล่าวเปลี่ยนคนรวยให้เป็นคนจน เปลี่ยนคนจนให้เป็นขอทาน หรือเป็นอาชญากร เก้า มีทหารและผู้นำกลุ่มต่างๆ ใน
รัฐฉานเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อันเนื่องมาจาก การยุยงของจีนขาวเพื่อทำลายความสามัคคีของชาวฉาน จุดนี้น่าจะได้รับคำแนะนำมาจากพม่า หรือว่าจีนก๊กมินตั๋งตั้งใจจะยึดรัฐฉานไปเป็นของตัว สิบ บังคับให้ชาวฉานซึ่งเป็นคนพื้นเมืองปลูกฝิ่นขายนับจากนั้นเป็นต้นมา

Advertisement

ตลอดเวลาตั้งแต่ปี 2492-2496 ก๊กมินตั๋งสร้างความเดือดร้อนทุกข์ระทมให้กับชาวฉานอย่างสุดที่จะบรรยาย พม่าก็รู้อยู่แต่แกล้งทำเฉย เหมือนไม่ใช่ธุระของตน ประชาชนชาวฉานจึงร้องเรียน รัฐฉานให้ใช้กำลังทหารขับไล่จีนออกจากรัฐฉาน นั่น ! คือของโปรดที่พม่าคอยอยู่ทุกเมื่อ ทั้งนี้ เพื่อนำทหารพม่าเข้าไปในรัฐฉาน ในจุดหมายที่ต้องการทำลายสมรรถภาพของรัฐฉานให้หมดไป จะได้ไม่สามารถตั้งประเทศได้ ดังนั้น เมื่อชาวฉานเรียกร้องให้รัฐฉานขับไล่ทหารจีนออกไป จึงปฏิบัติตามทันที คือนำกองทัพพม่าเข้าไปในปี พ.ศ.2495 และก็ประกาศกฎอัยการศึกเพื่อขับไล่ทหารจีน แต่นั่นคือก้าวแรกของพม่า ที่มุ่งรวมรัฐฉานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพม่า สำหรับการขับไล่ทหารจีนก็ทำไม่จริงจังนัก ทำพอให้ชาวโลกเห็นว่าฉันทำแล้วนะ พม่าอืดอาดมาจนถึง วันที่ 22 พฤษภาคม 2496 จึงทำเรื่องเสนอองค์การโลก ว่าไต้หวันรุกรานรัฐฉาน องค์การโลกประณามไต้หวัน และให้ไต้หวันถอนทหารก๊กมินตั๋งออกไป โดยมี พม่า ไทย ไต้หวัน สหรัฐ เป็นกรรมการควบคุมการถอนทหารจีน ในที่สุดไต้หวันก็ถอนทหารออกไป ประมาณ 6,500 คน ในปี พ.ศ.2497 คราวนั้นนายพลลี ออกมาประกาศต่อชาวโลกว่า ทหารจีนขาวได้สลายกองกำลังต่อต้านจีนแดงออกไปหมดแล้ว แต่ทว่าในความเป็นจริง ยังมีทหารจีนซุ่มซ่อนอยู่อย่างลับๆ ประมาณ 1,000 คน ในบริเวณ เมืองป่าเลียว และเชียงลับ ทหารกลุ่มนี้ร่วมกับว้าก็ยึดอาชีพผลิตยาเสพติดทำลาย ชาวโลกต่อไป

ถึงปี พ.ศ.2503 จีนหมดความอดทน ทั้งที่รู้ว่าพม่ามุ่งทำลายรัฐฉานเพื่อกลืนชาติเป็นพม่า อีกทั้ง เมื่อปี พ.ศ.2495 จีนก็ประท้วงพม่ามาแล้วว่า พม่าให้ที่พักพิงศัตรูของจีน คราวนั้นพม่าถือเอาการประท้วงของจีน และการร้องของชาวฉาน ยกกองทัพพม่ามาตั้งอยู่ในรัฐฉานเพื่อขับไล่จีน แต่จีนก็ยังออกไม่หมด อีกทั้งจนบัดนี้ทหารพม่าก็ยังไม่ออกจากรัฐฉาน แถมยังแอบไปรังควานจีนคอมมิวนิสต์อีก คราวนี้จีนแดงจึงยกกองทัพมา 2 หมื่นคน ทหารพม่า 5 พันคน ร่วมกันเข้ากวาดล้างกองทัพก๊กมินตั๋งเดนตายเหล่านั้น แล้วพบหลักฐานว่า ผู้อยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้ คือสหรัฐและไต้หวัน ต่อมาในปี พ.ศ.2504 สหรัฐและไต้หวัน จึงขนทหารจีนเดนตายเหล่านั้นไปไต้หวันทางเครื่องบิน พร้อมประกาศเสียงดังฟังชัดว่า ยังมีทหารจีนขาวอยู่ในรัฐฉานอีก 6 พันคน ซึ่งไม่เกี่ยวกับไต้หวันและสหรัฐ อ้าว!! แล้วทหารเหล่านั้นไปไหนเล่า ดอยตุงของประเทศไทยนั่นไง แถมได้สัญชาติไทยอีกต่างหาก อนิจจา! คนไตในรัฐฉานญาติของไทยแท้ๆ อพยพมาอยู่เมืองไทยเป็น สิบปี ขอสัญชาติไทยทางการไม่ให้ จนบางคนน้อยใจ ถึงกับประกาศที่อำเภอแม่สายว่า ถ้าไม่ให้สัญชาติแก่เขา เขาจะฆ่าตัวตาย บนอำเภอแม่สายนี่แหละ หลายคนต้องช่วยกันปลอบ จึงสงบใจได้ (ปลัดอำเภอแม่สายศิษย์รามคำแหงเล่าให้ฟัง) จนถึงทุกวันนี้ชาวฉานที่อพยพมาที่แม่สาย ยังขอสัญชาติไทยยากอยู่เลย ใช่! คนเราบุญไม่เหมือนกันเนาะ!

เจ้าฟ้าสีป้อเป็นคนจริงใจ เป็นนักประชาธิปไตย อังกฤษจึงสถาปนาท่านเป็นเจ้าฟ้าปกครองรัฐสีป้อ ทั้งที่บิดาและพี่ชายยังอยู่ ความเด็ดขาดของท่านคือ ตอนที่ท่านถูกจับในคืนวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2505 นั้น เนวินประกาศ ห้ามใครยุ่งเรื่องนี้ เขาขอทำคนเดียว ตามที่มหาเทวีชายาของท่านบันทึกไว้ว่า ก่อนจะหายสาบสูญไป เนวินให้ท่านเลือกระหว่าง จะเป็นหุ่นเชิดให้พม่า หรือจะเลือกตายและทิ้งลูกเมียไป ท่านยอมตายไม่ยอมเป็นหุ่นเชิดให้พม่า ซึ่งจะเล่าเรื่องนี้ในสัญญาปางหลวง 5 แต่ขอชี้แจงว่า สัญญาปางหลวง 5 จะไม่เรียกตามลำดับที่เขียน ว่า สัญญาปางหลวง 5 แต่จะชื่อว่า สัญญาปางหลวงปีที่ 62 แล้วจะมีชื่อเจาะจงที่จะเขียนไว้บรรทัดล่าง เช่น บทความต่อไปชื่อ สัญญาปางหลวงปีที่ 62 ความแค้น ของเนวิน ขอท่านผู้อ่านที่เป็นไทย โปรดอ่านเพื่อให้เห็นความทุกข์ระทมของพี่น้องเราทางทิศตะวันตกบ้างเถิดเจ้า!

กลิ่นบงกช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image