การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หลังจากเว้นว่างมา 9 ปี ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ หลายเรื่อง โดยเฉพาะอิทธิพลของโซเชียลมีเดียและระบบออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันก้าวหน้ามาก แตกต่างอย่างมากกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อ 9 ปีก่อน ทำให้ประชาชนสามารถสื่อสาร แสดงปฏิกิริยาเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเรื่องต่างๆ ได้ทันที อย่างเช่นที่เกิด “ทัวร์ลง” ในกรณีต่างๆ ล่าสุด โลกออนไลน์ได้แสดงความเห็นต่อการติดป้ายหาเสียงของผู้สมัคร ซึ่งมีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน ส่วนมากติดตามถนนหนทางที่ประชาชนผ่านไปมา เพราะต้องการสร้างความรับรู้ให้ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงได้ทราบหมายเลข หน้าตาและรายละเอียดของผู้สมัคร แต่ด้วยขนาด หรือจุดติดตั้งป้าย ทำให้เกิดปัญหาเกะกะกีดขวางการเดินเท้า หรือทัศนวิสัย เพราะเกิดการบดบังถนน ป้ายจราจร หรืออื่นๆ ได้ตลอด หลายๆ ครั้งเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ
ถ้าเป็นการเลือกตั้งในยุคก่อนๆ ประชาชนอาจไม่มีช่องทางแสดงความเห็น หรือกว่าความคิดเห็นจะผ่านระบบการสื่อสารในยุคนั้นไปถึงผู้เกี่ยวข้อง อาจใช้เวลามาก ทำให้การปรับปรุงแก้ไขล่าช้าไม่ทันการณ์ แต่ปัจจุบันสามารถแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดีย แสดงภาพหรือภาพเคลื่อนไหวได้ง่ายๆ การแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดีย ยังเปิดให้ประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็น ร่วมวิพากษ์วิจารณ์ได้ด้วย ทำให้เห็นทิศทางของกระแสความคิดเห็นว่า สังคมพึงพอใจหรือไม่ ต้องการให้แก้ไขอย่างไร ผู้สมัครผู้ว่าฯทุกคนจำเป็นต้องติดตามรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในระบบออนไลน์
กรณีป้ายหาเสียงที่มีขนาดพอดีเสาไฟฟ้า ไม่ล้นเกินออกมาจนกีดขวางการเดินเท้า หรือปิดบังทัศนวิสัยของผู้เดินเท้าและใช้รถ ทำให้ได้รับเสียงชื่นชมจากสังคม มีผลต่อเนื่องทำให้ผู้สมัครรายอื่นๆ ต้องหันมาพิจารณาป้ายของตนเองว่า เกะกะกีดขวางหรือไม่ ผู้สมัครหลายคนได้สั่งให้ทีมงานไปปลดออก หรือย้ายไปติดตั้งในจุดที่เหมาะสม รวมถึงปรับขนาดให้เล็กลง ทำให้เห็นว่า ประชาชนมีส่วนกำหนดการเลือกตั้งโดยตรงได้มากขึ้นถือเป็นอีกก้าวของการเมืองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นระบบการเมืองที่ต้องดำเนินไปและบริหารให้เป็นไปตามความประสงค์และประโยชน์ของประชาชน
