ทุกสงคราม…เรื่องของ ‘การค้าอาวุธ’ เป็นธุรกิจคู่ขนาน
24 กุมภาพันธ์ 2565 ทหารรัสเซียหลายหมื่นนาย บุกตะลุยเข้าประเทศยูเครน ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ภาพการสู้รบด้วยอาวุธนานาชนิด ถูกถ่ายทอดสู่สายตาชาวโลก
ช่วงแรก กองทัพหมีขาว “รุกรบ” ด้วยรถถัง ยานเกราะ ฝ่าความหนาวเย็น ลุยหิมะ คืบหน้าไปใน 3 ทิศทางอย่างรวดเร็ว
ชาวโลกใจจด-ใจจ่อกับ “กรุงเคียฟ” เมืองหลวง ที่ถูกโอบล้อม ถูกระดมยิงอย่างหนักจากอาวุธยิงระยะไกลของรัสเซียที่ถล่มแบบไม่เลี้ยง พร้อมทั้งความพยายามที่จะ “เข้าไปเหยียบ” นครหลวงเก่าแก่
ประชาชนราว 4 ล้านคน หนีตายไปทางทิศตะวันตก มุ่งสู่ประเทศโปแลนด์ เมืองหลักในยูเครน ทางเหนือ ทางตะวันออก และทางใต้ โดนกองทัพรัสเซียปิดล้อม ระดมยิงทำลายให้เห็นผ่านทาง “มือถือ”
ภาพถ่ายดาวเทียมจากบนฟ้า…เฉลยความลับบางประการได้
ประเทศต่างๆ ในยุโรป ผวาตื่น…เกรงกองทัพของปูตินจะ “ไม่หยุดแค่ยูเครน” พากันประเคนอาวุธทุกอย่างให้กองทัพยูเครนเพื่อ “ยัน” กองทัพรัสเซียไม่ให้ทะลักออกมานอกยูเครน
นี่เป็น “สงครามตามแบบ” (Conventional Warfare) ที่ชาวโลกได้เห็นจะจะ มีอาวุธตามแบบสงครามโลกครั้งที่ 2 หวนกลับมาให้ประจักษ์อีกครั้ง แต่อาวุธทั้งหมด ใหม่หมดจด ในระบบดิจิทัล
แม่นยำสูงสุด อำนาจทำลายล้างสูงสุด มีน้ำหนักเบา พกพาง่าย สังหารกันแบบแทบไม่ต้องเห็นหน้า ไม่รู้มันมาจากไหน
ตายได้ในเสี้ยววินาที ร่างกายหายไปเป็นผุยผง
กองทัพยูเครนได้ “ยา” ที่ถูกกับโรค อาวุธที่ได้รับมา สร้างความพินาศให้กับกองทัพรัสเซียแบบ “สาหัส”
การรบใน 3 มิติ คือ บนบก ในอากาศ และทางทะเล ปรากฏซากของยานพาหนะของทั้ง 2 ฝ่ายเกลื่อนเมือง
“ผู้บุกรุก” ต้องปรับกำลัง ปรับแผนใหม่ …
สัปดาห์แรกของเมษายน 2565 รัสเซียโยกกำลังไปจากการปิดล้อมกรุงเคียฟ ประกาศกร้าวจะไป “สำเร็จโทษ” ที่แคว้นดอนบาส ทางทิศตะวันออกของยูเครน
ชาวโลกได้ชมคลิปการสู้รบทางมือถือจากตัวบุคคล (ทหาร) ภาพข่าวจากสำนักข่าวทุกฟากฝ่าย ทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนบันทึกภาพ “เขย่าขวัญ” มาให้ชม
นี่เป็นสงครามที่มีผู้ชม “ใกล้ชิดสนามรบ” มากที่สุด
ผู้นำประเทศทั่วโลก พูดอะไร มีท่าทีอย่างไร ถูกลำเลียงออกมาทางคลื่นโทรคมนาคม
สงครามครั้งนี้ “เปลี่ยนโลก” ไปหมด แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ที่น่าเศร้าที่สุด คือ ความตายของประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้อง ความพินาศย่อยยับของบ้านเมือง
ผู้เขียนขอเปิดเผยว่า…สงคราม (ตามแบบ) ที่ทหารใช้มือถือถ่ายภาพ รบกันบนฟ้า บนพื้นดิน และแม้กระทั่งในทะเล คือ การจัดนิทรรศการโฆษณา-พิสูจน์คุณภาพ-ขายอาวุธ อย่างเปิดเผย ทั้ง “ตั้งใจ” และโดย “บังเอิญ”
ดาวเทียม โดรน UAV บนท้องฟ้า ที่เรามองไม่เห็น ส่งภาพลงมาให้เราเห็นการทำลายล้างที่รุนแรง เด็ดขาด แม่นยำ
นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์คุณภาพของอาวุธทุกชนิด
หลายประเทศในยุโรป….เริ่มกังวลในเสถียรภาพของตน
ยูเครน คือ สัญญาณที่บ่งว่า…โลกนี้กำลังไร้เสถียรภาพ
อาวุธทั้งหลาย ต้องซื้อ มิได้มีไว้แจกจ่ายให้ใครฟรีๆ
สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม (SIPRI : Stockholm International Peace Research Institute) เผยยอดขายอาวุธทั่วโลกพุ่งเป็นประวัติการณ์
ประเทศที่เป็น “ขาใหญ่” ของการขายอาวุธ คือ อเมริกา รัสเซีย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส อิสราเอล สวีเดน
มีรายงานระบุว่า โดยรวมแล้ว 100 บริษัทค้าอาวุธรายใหญ่โลก มีผลกำไรจากการขายอาวุธในปี 2020 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.3% มีมูลค่ารวม 531,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวมากกว่า 3% ก็ตาม และโลกจะเผชิญกับโควิด
5 อันดับแรก ของบริษัทค้าอาวุธที่มียอดขายอาวุธมากที่สุด ทั้งหมดอยู่ในอเมริกา โดย ล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) ที่มีเครื่องบินรบ F-35 และขีปนาวุธหลายชนิดรวมทั้งอื่นๆ เป็นสินค้าขายดี เป็นบริษัทยอดขายอันดับหนึ่งที่ 5.82 หมื่นล้านดอลลาร์
บริษัท บีเออี ซิสเต็มส์ (BAE) ค่ายผลิตอาวุธยักษ์ของอังกฤษ อยู่อันดับ 6 ซึ่งมียอดขายอาวุธมากที่สุดในยุโรป และยังนำเหนือกลุ่มบริษัทผู้ผลิตอาวุธของจีน 3 ราย
เยอรมนีประกาศว่าจะจัดสรรเงินมากกว่า 110 พันล้านดอลลาร์ให้กับกองทัพ… นั่นก็คือ การต้องซื้ออาวุธ
มิใช่จะซื้อ จะขายกันเฉพาะในยุโรปนะครับ ที่ผ่านมา… สงครามใน “ตะวันออกกลาง” ที่ไม่ค่อยเปิดเผย ก็เป็นตลาดใหญ่เบิ้ม
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่แสนร่ำรวย เป็นลูกค้าใหญ่ โดยเฉพาะระบบป้องกันภัยทางอากาศ
จอร์แดน ก็เป็นลูกค้าหลักของสหรัฐ
ประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางเกือบครึ่งหนึ่ง ใช้อาวุธของสหรัฐ ภูมิภาคนี้เป็นผู้นำเข้าอาวุธโดยรวมที่เติบโตเร็วที่สุด
สหรัฐอนุมัติแผนการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ร่วมโจมตี F-35 จำนวน 105 ลำ ขายให้ญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 23 พันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความตึงเครียดในทะเลจีนใต้
ญี่ปุ่น จะเป็นลูกค้าต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเครื่องบินที่ผลิตขึ้นจากบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน
จากข้อมูลของ SIPRI ระบุว่า…สหรัฐได้จัดหาอาวุธทั่วไปที่สำคัญของประเทศถึง 79% ระหว่างปี 2016-2020 ซึ่งคิดเป็น 24% ของยอดขายอาวุธทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา
ซาอุดีอาระเบียที่แสนร่ำรวย ก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของอเมริกา ที่มีเขี้ยวเล็บทรงพลานุภาพ
สถาบันวิจัยในสวีเดนระบุว่า สหรัฐได้เพิ่มส่วนแบ่งการส่งออกอาวุธทั่วโลกเป็น 37% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
การซื้ออาวุธ…มีการเติบโตสูงสุดใน “ตะวันออกกลาง”
เกือบครึ่ง (47%) ของการส่งออกอาวุธสหรัฐ ส่งออกไปยังตะวันออกกลาง โดยซาอุดีอาระเบียเพียงประเทศเดียวคิดเป็น 24% ของการส่งออกอาวุธทั้งหมดของสหรัฐ
อเมริกาขายอาวุธให้กับ 96 ประเทศทั่วโลก
ฝรั่งเศสเพิ่มการส่งออกอาวุธหลัก 44% ในขณะที่เยอรมนีขยายการส่งออก 21%
อิสราเอลและเกาหลีใต้ส่งออกอาวุธเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าทั้งคู่จะยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างน้อยในการส่งออกอาวุธขายทั่วโลก
สงครามในยูเครน ยิ่งเขย่าขวัญ-ปั่นป่วน
10 เมษายน 2565 เครื่องบินขนส่ง Y-20 ของจีนจำนวน 6 ลำ ได้ลงจอดที่สนามบินพาณิชย์ของเบลเกรด โดยมีรายงานว่ามีการส่งมอบระบบขีปนาวุธพื้นผิวสู่อากาศ HQ-22 สำหรับกองทัพเซอร์เบีย
เซอร์เบียเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย ถือว่าเป็นลูกค้าที่ซื้อขีปนาวุธของจีนเป็นรายแรกในยุโรป
ระบบขีปนาวุธของจีน ได้รับการเปรียบเทียบอย่างกว้างขวางกับ American Patriot และระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ S-300 ของรัสเซีย
อาวุธของอังกฤษ ก็ได้รับการพิสูจน์ในสนามรบ (Combat Proven) ในยูเครน
ขีปนาวุธสตาร์สตรีค (Starstreak Missile) แบบประทับบ่ายิง ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมัค 4 ที่ผลิตโดยบริษัทในอังกฤษ เป็นขีปนาวุธพื้นสู่อากาศระยะสั้นที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ถูกนำไปใช้ในยูเครนเพื่อยิงเครื่องบินรบของของรัสเซีย
ได้รับการยอมรับว่า “เจ๋งจริง” สอยเครื่องบินรบรัสเซียร่วงไปหลายลำ ถือว่า “แจ้งเกิด” แล้ว
NLAW (Next generation Light Anti-tank Weapon) คือ อาวุธต่อสู้รถถังของอังกฤษ ที่ได้ส่งมอบไปให้ยูเครนแล้วกว่า 2,000 เครื่องยิง ทหารยูเครนใช้ขีปนาวุธระดับยมทูต โจมตีรถถัง ขบวนรถส่งกำลังบำรุงของรัสเซียมาตลอดการสู้รบ
เพื่อเป็นของแถม…กองทัพอังกฤษยังได้ส่งทหาร 30 นาย ไปฝึกกองกำลังยูเครนเพื่อใช้งาน
NLAW มีต้นกำเนิดในโครงการร่วมอังกฤษ-สวีเดน ซึ่งเริ่มในปี 2545 เพื่อแทนที่อาวุธยุคสงครามเย็น ที่ออกแบบมาเพื่อให้หน่วยทหารราบสามารถป้องกันรถถังได้ในระยะใกล้
NLAW มีอายุการเก็บรักษานาน 20 ปี ด้วยน้ำหนักเพียง 12.5 กิโลกรัม ระยะที่แม่นยำเป็น 800 เมตร ยิงครั้งเดียวแล้วทิ้ง ลูกค้าที่ซื้อมาแล้ว คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซาอุดีอาระเบีย ฯลฯ
(อาวุธจำนวนมหาศาล ที่นานาประเทศบริจาคมาให้ยูเครน ล้วนเป็นอาวุธที่เก็บสำรองไว้ในคลัง อาวุธมี “อายุการใช้งาน” การมอบให้ ถือเป็นการหมุนเวียน นำออกมาใช้ก่อนหมดสภาพ และต้องผลิตขึ้นมาทดแทนในของคลัง : ผู้เขียน)
การรบในเมือง (Urban Warfare) ที่ผ่านมาเกือบ 2 เดือน ทหารยูเครนนำ NLAW ไปถล่มรถถังรัสเซียอย่างได้ผล
ประเทศแคนาดาที่อยู่ทางตอนเหนือของอเมริกา ประกาศจะเลือกซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 จำนวน 88 ลำ สัญญาดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประธานาธิบดียูเครน…โผล่มาขออาวุธจากเกาหลีใต้
11 เม.ย.65 – ปธน.เซเลนสกี ของยูเครน ได้ติดต่อขอให้รัฐบาลเกาหลีใต้ช่วยเหลือทางการทหาร โดยวิดีโอคอลกับฝ่ายนิติบัญญัติของเกาหลีใต้ ระบุว่า…ต้องการความช่วยเหลือด้านอาวุธ
กระทรวงกลาโหมของกรุงโซลได้รีบ “ปฏิเสธ” คำขอของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครน สำหรับอาวุธต่อต้านอากาศยาน
เหตุผล คือ เกาหลีใต้ก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ล่อแหลม “เกาหลีเหนือ” กำลังเบ่งกล้ามขู่ไม่เว้นแต่ละวัน
ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธไปแล้วมากกว่า 10 ลูก ที่ยั่วยุและมีอานุภาพร้ายแรงทั้งนั้น
เกาหลีเหนือยังขู่ว่า…สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ก็ได้…และระยะยิงไกลไปถึงอเมริกาโน่น
บริษัทขายอาวุธทั้งหลาย เมื่อมีลูกค้า จะสามารถอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ช่วยให้คนมีงานทำ มีการคิดค้น วิจัย สัญญาซื้อ-ขายอาวุธ ปกติมักกินเวลาหลายปี…กินไปยาวๆ
กระแสข่าวที่สาดออกมาจากสนามรบยูเครน คือ บทพิสูจน์ที่ “ต้องแข่งขันกัน” สำหรับธุรกิจการค้าอาวุธ
“เกาหลีเหนือ” ก็พยายามพัฒนาความสามารถด้านอาวุธนิวเคลียร์ของตน เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง
ยังมีอาวุธแบบ “อัจฉริยะ” อีกมากมายหลายชนิดที่ปรากฏในสงครามยูเครน และอีกมหาศาลที่เราไม่มีโอกาสได้เห็น
ลองไปดู “การเล่นเกมทำสงคราม” ของเยาวชนที่เล่นกันทางมือถือทั่วโลกและทุกแพลตฟอร์ม สิ่งที่เห็นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสงคราม
การยิงอากาศยานในเกมกด การถล่มรถถัง ทหารราบ ยังไงก็ยังงั้น เหมือนกันเป๊ะกับของจริงในสนามรบ
อาวุธที่ถือว่า “เป็นพระเอก” ในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่โดดเด่น ออกหน้าออกตา คือ โดรนสังหาร ที่บดขยี้แบบไร้ความปรานี
ทหาร ที่ควบคุม มองผ่านจอโน้ตบุ๊ก “ควบคุม-สั่งตาย” จากในห้องแอร์ได้ทั้งกลางวัน กลางคืน …ส่งเสียงเฮฮา เมื่อโดรนพุ่งลงเป้า
หน่วยทหารขนาดหมวด ขนาดกองร้อย จำนวนมากที่เคยใช้ในการต่อสู้อากาศยาน…วันนี้แทบจะ “หมดความสำคัญ”
ทหารที่ฝึกมาดี เพียงคนเดียว… พร้อมอาวุธขนาดเบา สะพายหลังไป สามารถ “พลิกโฉม” การรบได้
ภารกิจ การจัดหน่วย อาวุธ หลักนิยม จำนวนทหาร เปลี่ยนไปไม่มีวันกลับ
การวิจัย ค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้เป็นเครื่องมือทำสงครามเป็น “ธุรกิจทำเงิน” ที่ต้องแข่งขันกัน ทำเงินก้อนยักษ์ให้คนกลุ่มหนึ่ง
แถมลูกค้ายังต้องไปอ้อนวอนขอให้ขาย… กลายเป็น “บุญคุณ” อีกต่างหาก…
หากแต่…ผู้นำและทหารกล้าหัวใจเหล็ก คือ ตัวตัดสิน
