อนาคตสดใส เพราะ ‘ปัจจุบัน’ ดี

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2519 ความว่า

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดที่เป็นอยู่แก่เราในวันนี้ ย่อมมีต้นเรื่องมาก่อน ต้นเรื่องนั้นคือ เหตุ สิ่งที่ได้รับคือ ผล และผลที่ท่านมีความรู้อยู่ขณะนี้จะเป็นเหตุให้เกิดอย่างอื่นต่อไปอีก คือ ทำให้สามารถใช้ความรู้ที่มีอยู่ทำงานที่ต้องการได้ ดังนั้น ที่พูดกันว่าให้พิจารณาเหตุผลให้ดีนั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ให้พิจารณา ‘การกระทำ’ หรือ ‘กรรม’ ของตนให้ดีนั่นเอง คนเราโดยมากนึกว่า อนาคตจะเป็นอย่างไรเราทราบไม่ได้ แต่ที่จริงเราย่อมจะทราบได้บ้างเหมือนกัน เพราะ ‘อนาคต’ ก็คือ ผลของการกระทำในปัจจุบัน”

⦁ “สร้างบุญ” ด้วยกรรมฐาน ใช้หนี้กรรมได้ดีที่สุด : คำสอนให้คนละความชั่ว ประพฤติชอบ มีอยู่ทั่วไปทุกศาสนา แต่คำสอนเรื่องการทำจิตใจของตนได้ผ่องใส ที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “เจริญจิตตภาวนา” เป็นคำสอนที่ทำให้พระพุทธศาสนามี “เอกลักษณ์พิเศษ” ต่างจากศาสนาอื่น เพราะส่งผลให้ผู้ปฏิบัติสามารถละหลุดพ้นความทุกข์ต่างๆ ได้ยิ่งหากทำถึงขั้นสูงสุด ส่งผลให้พ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างสิ้นเชิง

และการ “เจริญกรรมฐาน” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน” แนวทางสติปัฏฐาน 4 ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ได้แนะนำแก่ศิษยานุศิษย์ เป็นวิธีทำบุญใช้หนี้กรรมในอดีต เสริมสร้างชีวิตในปัจจุบันให้ดีขึ้น ทั้งยังเป็นหลักประกันให้อนาคตว่าจะพบแต่สิ่งดีงาม ดังความตอนหนึ่งที่หลวงพ่อกล่าวไว้ว่า

Advertisement

“การเจริญกรรมฐาน” โดยเฉพาะ “การเจริญสติปัฏฐาน 4” อันเป็นทางสายเอก ถ้าทำได้

1.ท่านจะระลึกชาติได้จริง ระลึกได้เลยว่าทำอะไรดีอะไรชั่วมาก่อน

2.ท่านจะรู้กฎแห่งกรรม เพื่อจะได้ใช้หนี้เขาไป ไม่ปฏิเสธทุกข้อหา

3.มีปัญญาแก้ไขปัญหาชีวิต

4.ถ้าใครทำกรรมฐานได้ลึกซึ้ง จะรู้เหตุผลของชีวิตได้อย่างดีที่สุด

จะละเว้นการ “คิด พูด ทำ” ที่จะก่อความทุกข์เดือดร้อนให้เกิดแก่ตนและคนอื่น มันเป็นประโยชน์แก่ชีวิตอย่างนี้

⦁ “กรรมกำหนด” “กรรมตามสนอง” รู้ได้ด้วยทำ “กรรมฐาน” กฎแห่งกรรม บทที่ว่าทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง กรรมเป็นพึ่งอาศัยจักทำกรรมอันได้ไว้ จักได้รับผลของกรรมนั้นๆ :

“เรื่องกฎแห่งกรรม” ที่ปรากฏกับทุกคนไม่มีหลีกเลี่ยงได้เพราะจากการกระทำไม่ว่า คิด พูด ทำ จะโดยตั้งใจ ไม่ตั้งใจก็ตาม ที่สุดแล้วมันมีผลเป็นความทุกข์ต่อชีวิตอย่างไรบ้าง แต่หากได้ทำกรรมฐานมา ท่านจะรู้ว่ามันทุกข์อย่างไร ทุกข์นั้นมันเดือดร้อนแค่ไหน มันหนักแค่ไหน มันกี่เปอร์เซ็นต์ กี่กิโลที่เราทำกับเขาไว้ เขาก็ต้องทำกับเราเหมือนที่เราทำกับเขาแน่นอน อาตมา (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) นี่โดนมากับตัวแล้ว

มีคนแก่ขี้เมาคนหนึ่ง อาตมาตอนนั้นอยู่โรงเรียนมัธยม 3 ก็โตแล้ว ถีบแกลงน้ำไปเลย แกเมาก็ตกลงไปอยู่ในนั้น วันหนึ่งคืนหนึ่งถึงจะขึ้นมาได้ ซึ่งเราไม่รู้ว่าแกจะต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน แต่เรารู้สึกสนุกที่ได้แกล้งแก

เวลาต่อมาอาตมาก็ไปรถคว่ำ รถตกเหวที่แม่สอด นับจากวันที่ถีบแกลงน้ำก็เป็นเวลา 40 กว่าปีแล้ว เราต้องไปอยู่ในเหวคืนกับวันเหมือนกัน กว่าจะไต่กิ่งไม้ขึ้นมาได้ จีวรหมดเลย เหลือแต่สบงตัวเดียว พอขึ้นมาได้ก็เจอพวกหาหน่อไม้ก็เอาก้อนดินก้อนหินขว้างปาเอา หาว่าเราเป็นบ้า นี่เป็นเวรกรรมตามสนองเรานะ ท่านทั้งหลายอย่าทำนะ

⦁ ทำตัวเป็นประโยชน์ ทุกข์โทษไม่มี : ตัวเรานี้มีประโยชน์มาก แต่ใช้ตัวไม่เป็นไปใช้ในเรื่องไร้สาระเสียมาก ไม่ใช้ให้เป็นประโชน์ต่อตัวเอง เกิดมาเสียชาติเกิด ไม่ประเสริฐเลิศแต่อย่างใด ไหนๆ จะตายจากโลกนี้ไปก็จะต้องมี “ความดี” ติดไปด้วย ละทิ้งความดีไว้ในโลกมนุษย์ คือ “ความดีเป็นตรา”

ถ้าใครทำกรรมฐานได้ลึกซึ้ง จะรู้เหตุผลของชีวิตได้อย่างดีที่สุด จะเว้นจากการ “คิด พูด ทำ” ที่จะก่อความทุกข์เดือดร้อนให้เกิดแก่ตนและผู้อื่น มันเป็นประโยชน์แก่ชีวิตอย่างนี้ จะแก้ไขปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะหน้าด้วยกรรมฐาน

บางคนชอบไปหาหมอดู เข้าทรง น่าเสียดาย “มีตำราอยู่ในตัวเราแท้ๆ” แต่กลับไปหาหมอดู ไปหาพระสะเดาะเคราะห์ เคราะห์หามยามร้าย ใครเป็นผู้ทำ เราเป็นผู้ทำ เราก็ต้องแก้เอง ไม่ใช้ให้คนอื่นมาแก้ให้ เพราะเวรกรรมตามสนองเรามาเมื่อชาติก่อน เรียกว่า “วิบากกรรม” ตามมาถึงแล้ว เราก็ต้องแก้กรรม โดย “ยอมรับกรรม” อาตมา (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) นี่ยอมหมดเลย

⦁ “สร้างที่พึ่งให้กับตัวเองด้วยเร่งฝึกฝนสมาธิ” : คนเราทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ มีทั้งถูกทั้งแพง มีทั้งเก๊ทั้งดี คนดีหายาก คนชั่วก็เยอะ มีน้อยเหลือเกินที่จะ “ดีเด่น เห็นชัดและเห็นไกล” อย่างนี้หายากต้องอดทน ต้องฝึกฝน ท่านทั้งหลายจิตนี้ฝึกให้ขยับก็ได้ ฝึกให้ทำงานก็ได้ ฝึกให้ขี้เกียจก็ได้

ถ้าใครเจริญวิปัสสนากรรมฐาน โดยต่อเนื่องกันแล้ว สร้างความดีให้ติดต่อกัน สร้างความดีถูกตัวบุคคล ถูกสถานที่ ถูกเวลา ถูกโอกาส ถูกสถานการณ์และต่อเนื่องกันเสมอต้นเสมอปลาย และคนนั้นจะได้รับ “ผลดี” ร้อยเปอร์เซ็นต์ จะเอาดีในชาตินี้ได้แน่นอน ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า

อนึ่ง ในเรื่อง การเจริญกรรมฐาน อย่างจริงจังสม่ำเสมอแล้ว ผลเราจะเข้าใจตัวเอง ปรับปรุงตัวเองดีขึ้น สร้างตัวเองให้ดีขึ้นตามสำคัญ เมื่อเราสร้างตัวเองได้ พึ่งตัวเองได้ ช่วยตัวเองได้ สอนตัวเองได้ เราก็สร้างฐานะตัวเองให้ดีได้ในอนาคต สำคัญอยู่ที่ทำความดีผิดสถานที่ ผิดตัวบุคคล ผิดกาลเทศะ ไม่ใช้กาลเวลาที่จะต้องทำแล้วไปทำ ไม่ใช่กาลเวลาที่จะพูดแล้วพูด มันก็จะเสียหายได้ นั่นคือ ก่อนจะสร้างกรรมทำกรรมใดไม่ว่าจะ “คิด พูด ทำ” ใดๆ ต้องมี “สติ” รู้เท่าทันทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จึงจะไม่มีการทำ พูด คิดไปตามอำนาจกิเลสมีมายั่วยวน ไงเล่าครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image