ภาพเก่าเล่าตำนาน : ปรมาณูลูกที่ 2… สยองชาวโลก…โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

เบื้องหลัง เบื้องลึก เหตุการณ์สุดสยอง…ที่ไม่ค่อยมีใครทราบ…

สงครามโลกครั้งที่ 2 ในเอเชีย-แปซิฟิก รบกันมาเกือบ 4 ปี

6 สิงหาคม พ.ศ.2488 ปรมาณูลูกแรกของโลก ถูกทิ้งใส่เมืองฮิโรชิมา ในญี่ปุ่น ชาวเมืองหายไปเป็นผงธุลีทันที ราว 8 หมื่นคน

อเมริกา…รอคอยการ “ประกาศยอมแพ้” จากญี่ปุ่น

Advertisement

ความพินาศ-ล่มสลาย ของแดนซามูไร อยู่ในสายตาของโซเวียต

ช่วงดึกของวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2488 สหภาพโซเวียต ที่เป็นศัตรูคู่แค้น ประจักษ์ชัดว่า ญี่ปุ่นที่โดนปรมาณู กำลัง “ล่มสลาย” ไม่มีวันจะโงหัวขึ้นมาได้ …จึงชิง “ประกาศสงคราม” กับญี่ปุ่น

สหภาพโซเวียตเตรียมเคลื่อนกำลังทหารบุกเข้าญี่ปุ่น เพื่อทำลายล้าง สางแค้นที่ร้อนรุ่มมานาน

Advertisement

(8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2447 เกิดสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น ด้วยสาเหตุแย่งชิงพื้นที่ในแมนจูเรีย ญี่ปุ่นเปิดฉากโจมตีกองเรือโซเวียตที่จอดอยู่ในท่าเรือหลู่ซุ่นในประเทศจีน ญี่ปุ่นรบชนะทุกสมรภูมิ อเมริกาเข้ามาช่วยสงบศึก ลงนามในสนธิสัญญาพอร์ทสมัธ เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2448 ญี่ปุ่นรบชนะ…โซเวียต แค้น จ้องจะเอาคืนมานานแล้ว)

อเมริกาอ่านขาด…เฮ้ย กองทัพของหมีขาว กำลังจะยกทัพเข้ามา “ตีกิน”… จะมาเขมือบเกาะญี่ปุ่นซะเอง

9 สิงหาคม พ.ศ.2488 ระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 ที่อเมริกาเตรียมไว้เลยต้องถูกนำมาใช้ถล่มเมืองนางาซากิ

จักรพรรดิฮิโรฮิโตะ รับสั่งให้ สภาสงครามยอมรับเงื่อนไขที่อเมริกากำหนดไว้ในปฏิญญาพอทสดัม เพื่อยุติสงคราม… หยุดการตายของประชาชนชาวอาทิตย์อุทัย

ทหารญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งในโตเกียว “ก่อการรัฐประหาร” เพื่อโค่นล้มจักรพรรดิ เพราะ “ไม่เห็นด้วย” กับการประกาศยอมแพ้สงคราม

นายทหารญี่ปุ่น หักหลังกันเอง…การรัฐประหารล้มเหลว

เกาะญี่ปุ่น กลายเป็น “นรกภูมิ” โดนปรมาณูไป 2 ลูก จากอเมริกา…มีรัฐประหาร และ กองทัพโซเวียตจ่อจะมายึดประเทศ

15 สิงหาคม พ.ศ.2488 พระจักรพรรดิทรงประกาศ “ยอมแพ้” ทางวิทยุกระจายเสียง ออกอากาศไปทั่วเอเชีย

ทหารลูกหลานซามูไร ที่อยู่ในสนามรบทั่วเอเชีย แปซิฟิก รวมทั้งในไทย ทยอยวางอาวุธ

ถือว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเอเชียยุติลง

หลังสงครามยุติ มีคำถามใน “เชิงการศึกษา” ว่า ทำไมอเมริกาต้องทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 ?

มีข้อมูลทางวิชาการจากอเมริกา…พอจะสรุปได้ว่า…

การทิ้งปรมาณูลูกที่ 2 ใส่เมืองนางาซากิ คือ การประกาศว่า “อเมริกา คือ ผู้ชนะสงครามตัวจริง” มีสิทธิครอบครองเกาะญี่ปุ่น แต่เพียงผู้เดียว

เป็นการส่งสัญญาณไปให้รัสเซียแบบ “ต้องเข้าใจ”

นี่คือ “การขจัดโซเวียต” ออกไปจากส่วนแบ่ง

ในเวลาเดียวกัน ญี่ปุ่น ก็ตระหนักดีว่า การประกาศยอมแพ้ต่ออเมริกา ดีกว่าตกอยู่ใต้ “ท็อปบู๊ต” ของโซเวียต ที่เป็นจอมโหด

ขอรำลึกถึงเหตุสยองชาวโลกในนางาซากิครับ…

6 สิงหาคม พ.ศ.2488 หลังปรมาณูถล่มฮิโรชิมา…ชาวโลกตกใจเรื่องระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก

ประธานาธิบดีทรูแมน ออกแถลงการณ์จากทำเนียบขาว แจ้งว่า…สหรัฐใช้ปรมาณูแล้วเพื่อยุติสงคราม (ปรมาณูที่ไม่เคยมีใครรู้จัก)

ทรูแมน เปิดเผยโครงการ “ลับสุดยอด” ในชื่อโครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) ที่ได้แอบซุ่มค้นคว้า วิจัย ทดลองผลิตระเบิดปรมาณูในอเมริกามาราว 3 ปี

วอชิงตันประกาศว่า…ศัตรูเพียงคนเดียวของอเมริกาที่ยังหลงเหลืออยู่ในสงคราม คือ ญี่ปุ่น

ขณะที่ออกแถลงการณ์ กองทัพอากาศสหรัฐกำลังเตรียมการโจมตีด้วยปรมาณูลูกที่ 2

พล.ท.เลสลี่ โกรฟส์ แห่งกองทัพสหรัฐ ผู้อำนวยการโครงการแมนฮัตตัน รับคำสั่งจากประธานาธิบดี โดยมีตัวเลือก 2 เมือง คือ โคคุระและนางาซากิ …เมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย

เมือง “โคคุระ” คือ เป้าหมายหลัก

เช้าของวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2488 เครื่องบินทิ้งระเบิด B-29 บินขึ้นจากเกาะไตเนียน (Tinian) ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก บรรทุกระเบิดพลูโทเนียมน้ำหนักเกือบ 10,000 ปอนด์ เหินฟ้า

นักบินมุ่งหน้าไปยัง “เมืองโคคุระ” (Kokura) ซึ่งเป็นที่ตั้งคลังแสงขนาดใหญ่ของกองทัพญี่ปุ่น ที่ถูกเลือกไว้ก่อน

เช้าวันนั้น…สภาพอากาศเหนือเมืองโคคุระ ทัศนวิสัยไม่ดี มีเมฆปกคลุมหนาทึบ นักบินมองไม่เห็นเป้าหมาย นักบินพยายามค้นหา “ช่องว่าง” ในแผ่นเมฆกว้าง-หนาทึบ

เครื่องบินวนรอบเมือง 3 รอบ เมฆเหนือเมืองโคคุระหนาทึบ นักบินไม่เห็นเป้าหมาย

ประมาณ 10.45 น. นักบินจึงรายงานไปหน่วยเหนือ

ขอปรับแผน “ไปทิ้ง” ใส่เมืองนางาซากิ

เมื่อได้รับอนุมัติ กัปตันของเครื่องบินยมทูต จึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายรอง…เมืองนางาซากิ

ระเบิดจุดชนวนเมื่อเวลา 11.02 น. ตามเวลาท้องถิ่นที่ระดับความสูง 1,650 ฟุตเหนือพื้นดิน คร่าชีวิตผู้คนในนางาซากิไปราว 40,000 คน และ 1 ใน 3 ของตัวเมืองถูกทำลาย

มีบันทึกว่า…เช้าวันนั้น…ท้องฟ้าของนางาซากิก็พร่ามัวเช่นกัน แต่ทัศนวิสัยก็ดีขึ้น ในเวลาต่อมา

ระเบิดล้างโลกลูกที่ 2 นี้ เป็นระเบิดพลูโทเนียม ระเบิดเหนือสนามเทนนิสในเมือง เขตที่พักพลเรือนพินาศสิ้น

เมื่อกระทบพื้น เกิดระเบิดเป็นเมฆรูปเห็ดขึ้นไปสูงบนฟ้า ราว 16,000 เมตร อุณหภูมิที่พื้นศูนย์ (Ground Zero) เพิ่มขึ้นเป็น 4,000 องศาเซลเซียส

ตัวเมืองนางาซากิ ระเบิดออก กระจาย กลายเป็นซาก

ประมาณ 20 นาทีต่อมา “ฝนสีดำ” ของอนุภาคกัมมันตภาพรังสีสูงเริ่มตกลงสู่เมือง ทำให้เกิดการแผ่รังสี

นางาซากิ อยู่ห่างจากฮิโรชิมาทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 300 กม.

เป็นเมืองเอกและเมืองที่ใหญ่ที่สุด บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ถูกก่อตั้งขึ้นโดยชาวโปรตุเกสที่แล่นเรือมาจากยุโรปในปลายศตวรรษที่ 16 เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ทำการประมง ต่อมาพัฒนากลายเป็นศูนย์กลางอิทธิพลของชาวโปรตุเกสและชาวยุโรป

มีโบสถ์และศาสนสถานของคริสต์หลายแห่ง (ซึ่งต่อมา ศาสนสถานเหล่านี้ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก)

ส่วนใหญ่เป็นภูเขา และพื้นที่ราบทำเกษตรกรรม ปลูกข้าว มันเทศ และส้มแมนดาริน ทำประมง ให้ผลผลิตปลาลิ้นหมาและปลาเฮลิบัต รวมทั้งทำเหมืองถ่านหิน

มฤตยูจากท้องฟ้าลูกที่ 2 แตกต่างจากลูกที่ 1

ทำให้เกิดการระเบิดเท่ากับ 21,000 ตันของทีเอ็นที

เมืองขนาดเล็กของนางาซากิ มีประชากรน้อยและเป็นพื้นที่การเกษตร ทำให้ชีวิตและทรัพย์สินเสียหายน้อยกว่าฮิโรชิมา

ก่อนหน้านี้ …มีการประชุมกันของฝ่ายสหรัฐ เพื่อเลือกเมืองที่จะทำให้คนตายน้อย…ควรเลือกพื้นที่เกษตรกรรม

นางาซากิ คือ เมืองที่ถูกเลือก เป็นแผน 2

เหยื่อส่วนใหญ่เป็นพลเรือน รวมทั้งเด็กและผู้สูงอายุจำนวนมาก ยอดผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้ที่เสียชีวิตภายหลังจากโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการฉายรังสี ราว 2 แสนราย

ชาวเมืองผู้ที่ได้รับกัมมันตรังสี (ทั้งฮิโรชิมาและนางาซากิ) มีอาการอาเจียน ผมร่วง อ่อนแรง สุดแสนทรมาน

ชาวเมืองส่วนใหญ่เสียชีวิตภายในไม่กี่สัปดาห์ คนอื่นๆ ที่มีชีวิตยาวนานเกินกว่านั้น มีปัญหาการไหม้เกรียมของผิวหนังและมะเร็ง

ชาวฮิโรชิมาและนางาซากิ มีความเสี่ยงต่อการเกิด “มะเร็งเม็ดเลือดขาว” สูงกว่าประชากรทั่วไป 4-5 เท่า

ข้อมูลเชิงลึก ถูกนำมาตีแผ่-เปิดเผยต่อมาภายหลังว่า…

ผู้นำทางทหารได้กำหนดรายชื่อเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่น เพื่อทิ้งปรมาณู โดยใช้หลักเกณฑ์ 3 ประการ

1.”เมือง” จะต้องมีขนาดใหญ่ พื้นที่โดยรวมควรมากกว่า 5 ตารางกิโลเมตร มีประชากรมากเพื่อคุ้มค่าการทำลาย

2.เป้าหมายต้องมี “คุณค่าทางยุทธศาสตร์สูง” ซึ่งหมายถึงเป็นที่ตั้งทางทหาร เป็นฐานทัพส่งทหารไปรบนอกประเทศญี่ปุ่น

3.เมื่อปล่อยระเบิดลงแล้ว…นักบินต้องสามารถนำเครื่องบินหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว

มี “เป้าหมาย” เพียงไม่กี่แห่งที่มีคุณสมบัติครบถ้วน รวมถึงเกียวโต ฮิโรชิมา โคคุระ นางาซากิ และนีงาตะ

มีการคัดเลือกครั้งสุดท้าย เพื่อตัดสินใจเด็ดขาด

ปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2488 คณะกรรมการคัดเลือกเป้าหมายบีบลง เหลือเพียง 2 แห่งคือ เกียวโตและฮิโรชิมา

รัฐมนตรีกระทรวงการสงครามของสหรัฐ เกิดเห็นแย้ง…

เขาต้องการให้เมืองเกียวโต (Kyoto) ถูกลบออกจากรายชื่อเป้าหมาย เนื่องจากเมืองนี้มีความสำคัญทางวัฒนธรรม เป็นเมืองเก่าแก่ของบรรพบุรุษชาวญี่ปุ่น มีคุณค่าเกินกว่าจะถูกทำลาย

ขอให้ประธานาธิบดี ทรูแมน ลบ “เกียวโต” ออกจากเป้าหมาย

ทรูแมน ยอมทำตาม เกียวโต เลย “รอด” จากหายนะ

ลูกแรก จึงทำให้ฮิโรชิมากลายเป็น นรกบนดิน

หลังสงคราม สหรัฐได้ทำการทดสอบระเบิดปรมาณูเพิ่มเติมในพื้นที่ทดลอง ในหมู่เกาะมาร์แชลล์ (แปซิฟิก) และในรัฐเนวาดา

ระเบิดทำลายล้างโลก ได้รับความสนใจ มหาอำนาจที่เหลือ หิวกระหาย แข่งกัน กระหาย ใคร่มีไว้ในครอบครองบ้าง

พ.ศ.2492 สหภาพโซเวียต ผลิตปรมาณูได้สำเร็จ

พ.ศ.2495 อังกฤษ ผลิตได้ พ.ศ.2503 ฝรั่งเศส ผลิตได้ พ.ศ.2507 จีนผลิตได้ พ.ศ.2517 อินเดีย ผลิตได้ พ.ศ.2541 ปากีสถาน ผลิตได้ และ พ.ศ.2549 เกาหลีเหนือ ผลิตได้

นี่คือ ข้อมูลที่เปิดเผย…ที่ไม่เปิดเผย ก็คงไม่ขอเปิดเผยต่อไป

อานุภาพของกัมมันตรังสี ในฮิโรชิมาและนางาซากิ อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ไม่มีผลกับร่างกายมนุษย์

ญี่ปุ่น คือ ชนชาตินักสู้ อดทน มีวินัย ชาตินิยม

นางาซากิ ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังสงคราม โดยชาวเมืองที่รอดตายและเมืองข้างเคียงเข้ามาเกื้อกูลกัน

น้ำประปา ไฟฟ้า รวมทั้งมหาวิทยาลัยการแพทย์นางาซากิถูกทำลายสิ้นซาก ต้องรื้อถอน เผาทิ้ง สร้างใหม่

มีคนที่รอดตายแบบปาฏิหาริย์ เข้ามาช่วยเหลือในขณะที่มีกัมมันตรังสีแพร่กระจายรุนแรง

ซึ่งก็ไม่มีใครทราบ ไม่รู้จัก และมองไม่เห็น

รายงานว่าประมาณ 20% ของคนเหล่านี้เสียชีวิตภายใน 1 หรือ 2 เดือนหลังจากนั้น…

ผ่านมาถึงปัจจุบัน พ.ศ.2565 ชาวนางาซากิมีประชากรราว 4 แสนคนเศษ มีนายกเทศมนตรีมาจากการเลือกตั้ง ทำทุกอย่างตามที่ชาวเมืองต้องการ สร้างอนุสรณ์สถานขึ้นมา เพื่อส่งต่อ บอกเล่าความสยดสยองให้ชนรุ่นหลัง

นางาซากิ ฟื้นกลับขึ้นมา สะอาด สวยงาม ตามแบบญี่ปุ่น

สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กำลังรบดุเดือดแบบ “แพ้ไม่ได้” หลายฝ่าย มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในคลังมหาศาล พัฒนากันมาแล้วให้เร็ว แรง มีอานุภาพฆ่า ทำลายล้างมากกว่าที่ใช้ในญี่ปุ่นนับร้อยเท่า

“ผู้นำ-ผู้สั่งการ” กำลังเมามัน มีทีท่าบ้าอำนาจ ขยายขอบเขตสงครามออกไปทุกมิติ จ่อจะใช้นิวเคลียร์ทุกวัน

สงครามในยูเครน 3 เดือน ทหาร ประชาชนตายกันไปมหาศาล บ้านเมืองป่นปี้ มีไอ้พวกที่ “ร่ำรวย” จากการค้าขายอาวุธ ขายน้ำมัน เศรษฐีชาวรัสเซียกลุ่มใหญ่กำลังถูกยึดทรัพย์สินเสมือน “การปล้น”

คนมีความสุข ร่ำรวยจากสงครามก็มีเยอะนะครับ…

ปรมาณูลูกที่ 3 ของโลก จะถูกใช้หรือไม่ ที่ไหน เมื่อไหร่ ใครใช้ก่อน และอย่างไร เดาไม่ออก บอกไม่ถูก…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image