ภาพเก่าเล่าตำนาน :เรื่องน่ารู้ของ…จีน-ไต้หวัน โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

เกาะไต้หวันขนาด 36,197 ตร.กม. อยู่ตรงข้ามมณฑลฝูเจี้ยนของจีน เกาะทอดยาวจากเหนือ-ใต้ ห่างจากจีนแผ่นดินใหญ่ราว 160 กม. มีประชากรราว 23 ล้านคน …สถิติ พ.ศ.2565 มีคนไทยไปทำงานหาเงินบนเกาะนี้กว่า 7 หมื่นคน

3 สิงหาคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา…กระทรวงการต่างประเทศไทยแถลงชัดเจนว่า “ประเทศไทยถือนโยบายจีนเดียว” (One-China Policy)

สำหรับสังคมไทย…. เรื่องของคนจีน เมืองจีน ไม่ใช่เรื่องไกลตัว มีประวัติศาสตร์บันทึกว่า…กว่า 700 ปีที่แล้ว “ชาวจีน” แล่นเรือมาค้าขายกับสุโขทัย

มีเรื่องของ “จิ้มก้อง” ที่ต้องส่งของมีค่าไปถวายจักรพรรดิจีน

Advertisement

ชาวจีน…อพยพเข้ามาไม่ขาดสาย หลายร้อยปีต่อเนื่องกัน …ช่วงต้นรัตนโกสินทร์ มีข้อมูลว่า ชาวจีนใน “พระนคร” น่าจะมีมากกว่าคนพื้นถิ่นซะอีก

ที่อยู่ด้วยกันมานับร้อยปี เกิดการผสมกลมกลืนกันแบบไร้รอยต่อ หันไปทางไหน คุยกับใคร ล้วนแต่มี “เชื้อจีน” กันถ้วนหน้า

เราคุ้นเคย ซึมซับ โอบกอดความเป็นจีน ในเรื่องอาหาร สามก๊ก พระถังซัมจั๋ง หนังกำลังภายใน ยารักษาโรค การฝังเข็ม สินค้าการเกษตร นักท่องเที่ยว ของจีน…แบบแยกไม่ออก

Advertisement

แผ่นดินจีน กว้างใหญ่สุดขอบฟ้า มีหลายเผ่า เดี๋ยวก็รบกัน เดี๋ยวก็ดีกัน ตามท้องเรื่องของ “สามก๊ก”

ชาวจีนที่อพยพกันมาทางเรือ ตายไประหว่างทางในทะเลโยนศพทิ้งน้ำก็มากโข ที่รอดมาได้ ขึ้นบก กระจายกันไปทั่วแผ่นดิน ชาวจีนที่อพยพ…ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนมาจากจีนตอนใต้

ชาวจีนที่อพยพมาอยู่เมืองไทย พูดกันคนละภาษา เก่งกันไปคนละอย่าง แต่ที่เหมือนกันคือ อดทน อดออม ขยัน ชอบค้าขาย

เป็นเชื้อสายแต้จิ๋วประมาณร้อยละ 56 รองลงมา คือ แคะ ร้อยละ 16 ไหหลำ ร้อยละ 11 กวางตุ้ง ร้อยละ 7 ฮกเกี้ยน ร้อยละ 7 และอื่นๆ ร้อยละ 12

เราเคยตั้งข้อสังเกตว่า ไม่เคยเห็นคนจีนมา “ทำนา” ผู้อพยพ เริ่มจากเป็นกุลีแบกหาม ค้าข้าว แล้วดีดตัวขึ้นเป็น “เจ้าของโรงสี”

ทำไป-ทำมา…การค้าข้าว อยู่ในมือคนไทยเชื้อสายจีนหมด

ธรรมดาครับ…ใครขยัน ฉลาด อดทน คนนั้นจะเป็น “ผู้ชนะ”

คนจีนอพยพหนีความยากจน หนีสงคราม ข้ามน้ำ ข้ามทะเลไปตั้งรกรากทั่วโลก ประสบความสำเร็จในการธุรกิจมาก-น้อย

ที่ไปล้มเหลวฆ่าตัวตาย ไปตั้งเป็นแก๊ง ทำงานนอกกฎหมาย แตกต่างกันออกไป เรื่อง “ไชน่าทาวน์” เป็นความภาคภูมิใจ เป็นเอกลักษณ์ของชาวจีน ที่ชนชาติอื่นๆ ทำได้ไม่เหมือน

ราว 200 ปีที่แล้ว…ไปเป็นกรรมกรสร้างทางรถไฟในอเมริกา “งานที่ฝรั่งไม่ทำ”

ในอเมริกา…ชาวจีนไว้ผมเปีย….ขึ้นไประเบิด-เจาะภูเขา หนาวจัด ชอบซดต้มข้าวร้อนๆ ไม่อู้ ไม่เกเร รางรถไฟนับพันกิโลเมตร จากตะวันออกไปตะวันตกเกิดขึ้นจากการจ้างชาวจีน…หมดสัญญาแล้ว…ขออยู่ต่อในอเมริกาเป็นแสนคน

แทบทุกเมืองใหญ่ในยุโรป มีไชน่าทาวน์

ลองมาทบทวนแบบย่อความ “ระหว่างจีน-ไต้หวัน”

ขอรวบรัด ย่นย่อแบบเข้าใจง่ายๆ นะครับ…

ผู้เขียนต้องระมัดระวังเรื่องการเขียน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ทุกฝ่าย คือ เพื่อนของเรา

จีน ยังคงยืนยันว่า เกาะไต้หวัน คือจังหวัด 1 ของจีน มิใช่ประเทศเอกราช…

การอ้างถึงประวัติศาสตร์ ไปขุดกระดูกมาพิสูจน์บรรพบุรุษ

จีน…ยืนยันในข้อมูลย้อนไปหลายพันปี มีซากกระดูก ชี้ชัดว่าชนเผ่าบนเกาะไต้หวันอพยพไปจากจีนแผ่นดินใหญ่ ดังนั้นเกาะไต้หวัน คือ อาณาจักรของจีน

ข้อมูลของไต้หวันก็ยืนยันว่า เกาะไต้หวันมีชนเผ่าอยู่บนเกาะนี้มานานนับพันปี เป็นดินแดนอิสระในทะเล

คนบนเกาะ คือ ชาวพื้นเมืองเชื้อสายมาลาโย-โพลีเนเชียน หรือออสโตรเนเชียน ที่คล้ายคลึงกันทางระบบภาษาและวัฒนธรรมกับชาวมาเลย์ในบางส่วนของมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

ราว 500 ปีที่แล้ว นักเดินเรือโปรตุเกสมาเยือนเกาะไต้หวัน

ราว 100 ปีต่อมา สเปนแล่นเรือเข้ามา เข้าปกครอง ตั้งสถานีทำมาค้าขาย

พ.ศ.2187 กองทัพเรือชาวดัตช์ (ฮอลันดา) แล่นเรือมาเกาะไต้หวัน… ขับไล่ชาวสเปนออก แล้วเข้าปกครองแทน เกาะแห่งนี้…รุ่งเรืองเฟื่องฟูจากการค้าขายกับจีนแผ่นดินใหญ่

เกาะที่แสนจะอุดมสมบูรณ์ กลายเป็นแหล่งส่งออกน้ำตาล เนื้อกวาง เขากวาง รวมถึงพืชที่ใช้ทำเครื่องหวายแก่ “จีน” เพื่อแลกเปลี่ยนกับผ้าไหม เครื่องถ้วยชาม ยารักษาโรค และทองคำ

ราชวงศ์หมิง ล่มสลายลง ราชวงศ์ชิง ขยายอำนาจเหนือแผ่นดินจีน ทำให้ชาวจีนบางส่วนลี้ภัยมาที่เกาะไต้หวัน และได้ร่วมมือกันขับไล่ชาวดัตช์ออกไป

แม่ทัพคนสำคัญ คือ เจิ้ง เฉิงกง หรือที่ชาวตะวันตกรู้จักในชื่อ คอซินก้า (Koxinga)

พ.ศ.2205 เจิ้ง เฉิงกง ร่วมมือกับชาวจีนและชาวพื้นเมืองบนเกาะที่เกลียดชังชาวดัตช์ที่เก็บภาษีแบบ “ขูดรีด” ขับไล่ชาวดัตช์ออกไปสำเร็จ แล้วขึ้นปกครองไต้หวัน

พ.ศ.2226 ราชสำนักชิง “ผนวก” ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่ง ภายใต้การควบคุมของข้าหลวงประจำมณฑลฝูเจี้ยน

ชาวจีนที่อพยพมาไต้หวัน แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกเป็นชาวจีนจากมณฑลฝูเจี้ยน จากเมืองกวางโจว เฉวียนโจว กลุ่มที่สองเป็นชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้ง ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนแคะจากเมืองฮุ่ยโจว และเมืองเฉาโจว

ช่วง พ.ศ.2275-2283 ราชสำนักชิง อนุญาตให้ชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ไปตั้งรกรากบนเกาะไต้หวัน เกิดการขยายตัวของประชากรบนเกาะอย่างรวดเร็ว

การทำมาหากินของชาวเกาะ…ต้องเสียภาษีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแก่จีนแผ่นดินใหญ่… สร้างความคับแค้นยิ่งนัก

พ.ศ.2384 จีนแพ้สงครามฝิ่น ผู้ชนะ คือ อังกฤษ

มหาอำนาจตะวันตก เข้าไปทำสงครามรุกรานจีน ฉีกแผ่นดินจีนออกเป็นเสี่ยงเสี้ยว โดยมีสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน เข้าไปทำการค้า …แสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ

ในเวลาเดียวกัน…มหาอำนาจทั้งหลายก็แอบชำเลืองมอง “เกาะไต้หวัน” ที่แสนจะอุดมสมบูรณ์ โดดเด่นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์

พ.ศ.2427 จีนแผ่นดินใหญ่ รบกับทหารเรือฝรั่งเศส เมื่อแพ้สงคราม ถูกฝรั่งเมืองน้ำหอมไปยึดหลายเมืองบนเกาะไต้หวัน

หลังจากสงครามยุติ ราชวงศ์ชิงส่งข้าหลวงไปปกครองไต้หวันแล้วประกาศตั้งเป็นมณฑลที่ 22 ของจีน ตั้งไทเป เป็นเมืองหลวง

มหาอำนาจ “หน้าใหม่-ใกล้ตัว” ปรากฏตัวขึ้นบนเวที

“ญี่ปุ่น” ที่กำลังผงาดขึ้นมา หิวกระหายดินแดน และทรัพยากรเพื่อต้องการเป็นมหาอำนาจในเอเชีย ไม่ชอบหน้าฝรั่ง ยกทัพไปบุกเกาหลี บุกจีน

1 สิงหาคม พ.ศ.2437 จีนปราชัยต่อกองทัพลูกพระอาทิตย์ต้องก้มหน้าไปลงนามในสนธิสัญญาชิโมโนเซกิ พ.ศ.2438

“เกาะไต้หวัน” ที่เนื้อหอม…ตกเป็นของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น มิได้โหดเหี้ยมอย่างที่คิด ส่งข้าราชการไปวางระบบการปกครอง จัดระบบการศึกษา การเงิน การคลัง วางระบบคมนาคม สร้างทางรถไฟ…

ไม่นานนัก เกาะไต้หวันกลายเป็นดินแดนที่พัฒนาขึ้นมาทันตาเห็น …แต่ทุกสรรพสิ่งต้องเป็นแบบญี่ปุ่น ใช้ภาษาญี่ปุ่น และต้องอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิญี่ปุ่น

นักวิชาการมองว่า…นี่คือการแยกไต้หวันออกจากจีนใหญ่

หากแต่ชาวเกาะที่ “ไม่ชอบขี้หน้า” ญี่ปุ่นก็มีไม่น้อย…

25 พฤษภาคม พ.ศ.2438 เกิดการกบฏขับไล่ญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นได้ปราบกบฏนี้ได้อย่างรวดเร็ว

ปฏิเสธไม่ได้ว่า…ไต้หวันถูกญี่ปุ่นสร้างขึ้นมา โดยเฉพาะเรื่องการเมือง การปกครอง การอุตสาหกรรม การเกษตร การศึกษา

กองทัพแห่งพระจักรพรรดิ ขยายตัวทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ไปทำสงครามทางเรือชนะกองเรือโซเวียตของพระเจ้าซาร์

7 ธันวาคม พ.ศ.2484 ญี่ปุ่นอาจหาญ ส่งเครื่องบินไปถล่มฐานทัพเรืออเมริกาที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ รัฐฮาวาย

1 วันต่อมา รัฐสภาสหรัฐประกาศสงครามกับญี่ปุ่น

กองทัพทั้ง 2 ชาติรบกันบนบก ในทะเล บนฟ้า ทหารญี่ปุ่นต้องพลีชีพ บ้าเลือด ขับเครื่องบินชนเรือรบสหรัฐ

15 สิงหาคม พ.ศ.2488 ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม…

จีนใหญ่…ส่งทหารนับแสนขึ้นเกาะไต้หวันเพื่อปลดอาวุธทหารญี่ปุ่น

รัฐบาลจีนสั่ง “ล้างทิ้ง” มรดกญี่ปุ่นที่มาวางรากฐานไว้ สั่งเด็ดขาดให้เลิกใช้ภาษาญี่ปุ่น…ผู้คนบนเกาะแสนระทม อลเวง

สนิมเกิดแต่เนื้อในตน… (แบบย่อๆ)

แผ่นดินจีน “ลุกเป็นไฟ” อีกครั้ง เมื่อเกิดการสู้รบเลือดนองแผ่นดินระหว่าง พรรคคอมมิวนิสต์จีน ของเหมา เจ๋อตุง กับฝ่ายก๊กมินตั๋ง ของเจียง ไคเช็ค

อเมริกา สนับสนุนฝ่ายของ เจียง ไคเช็ค หากแต่กำลังของเหมา เจ๋อตุง ใช้การสู้รบแบบกองโจร รบด้วยหัวใจ เป็นฝ่ายชนะสงครามในที่สุด

1 ตุลาคม พ.ศ.2492 เหมา เจ๋อตุง ประกาศจัดตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์เต็มพิกัด

ธันวาคม พ.ศ.2492 เจียง ไคเช็ค ที่มีกองทัพปักหลักอยู่มณฑลเสฉวน พากองทัพและประชาชนนับล้านลงเรืออพยพมาอยู่เกาะไต้หวัน…

ประกาศจะทำสงคราม…เพื่อจะกลับสู่แผ่นดินใหญ่ให้จงได้

ณ เกาะไต้หวัน…เจียง ไคเช็ค พร้อมกองทัพที่แตกพ่ายมา ประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึก ประกาศจัดตั้ง “สาธารณรัฐจีน” ตั้งตัวเป็นประธานาธิบดี ท่ามกลางความหวาดระแวง ผวา จีนแผ่นดินใหญ่ตามมาบดขยี้…

หากแต่เหมา เจ๋อตุง ก็มิได้ส่งกองทัพตามมาบี้

กาลเวลาผ่านไป…และผ่านไป…ไต้หวันสร้างเนื้อสร้างตัวสร้างบ้านเมือง…อเมริกาและหลายชาติตะวันตกช่วยเหลือ

เวลานั้น…คอมมิวนิสต์จีน คือ ภัยคุกคามในภูมิภาค

ในทางการเมืองระหว่างประเทศ ไต้หวันต่อสู้ดิ้นรนในเวทีโลกเพื่อประกาศเป็น “ประเทศ” เอกราช มีมหาอำนาจตะวันตกสนับสนุน

จีนแผ่นดินใหญ่ที่เป็นคอมมิวนิสต์ ไม่มีวันยอมให้ไต้หวันหลุดลอยไปเป็นประเทศ …ถือว่า สงครามยังไม่จบ แค่พักรบเท่านั้น

ช่วงแรกที่นานาชาติฝ่ายอเมริกาปฏิเสธระบอบคอมมิวนิสต์ ก็เออออห่อหมก โอบกอดไต้หวัน “เบือนหน้า” ใส่จีนคอมมิวนิสต์

จีนประกาศเสมอว่า…จะต้องมี “จีนเดียว”

จีน มีพลังของโซเวียตหนุนหลัง หนักแน่น

ยุ่งที่สุด คือ จะทำอย่างไรกับสถานทูต นักการทูต …จะมีสถานทูตของจีนไหน …เรื่องผลประโยชน์ของชาติ คือ ตัวตัดสิน

อเมริกา สนับสนุนไต้หวัน ในการพัฒนาประเทศแบบเปิดเผย มีการลงนามสนธิสัญญาป้องกันร่วม สหรัฐ-ไต้หวัน

เจียง ปกครองไต้หวันยาวนาน 25 ปี พ.ศ.2493-2518 ภายใต้การคุ้มครองของวอชิงตัน ที่เข้าวางรากฐานการปกครองอย่างเข้มแข็ง…เกาะไต้หวัน คือ มิตรแท้-คู่ค้าของสหรัฐ

“ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” นี่เป็นสัจธรรมแน่แท้

21-28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2515 ประธานาธิบดีนิกสัน ไปเยือนจีน ทำเอาชาติอื่นๆ ในฟากฝ่ายอเมริกาต้อง “พลิกตัวตาม”

นี่คือ “สัปดาห์เปลี่ยนโลก”

เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน …ผู้นำแต่ละคนมีความคิดปรับเปลี่ยน ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน เป็นทั้งคู่แข่ง-คู่ค้า

ไต้หวัน เก่ง ร่ำรวย ผงาดขึ้นมายืนแถวหน้าของโลก ในทางอุตสาหกรรมหนัก เทคโนโลยี การเงิน แข็งแกร่งแบบที่สังคมโลกให้การยอมรับ แต่ก็ต้องทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ

อเมริการะหองระแหงกับจีน… แต่มั่นคงกับ “ไต้หวัน”

(ผู้นำอเมริกา มีท่าทีต่อจีนแตกต่างกันนะครับ รวมทั้งผู้นำไต้หวัน ที่เป็นไปตามเสียงประชาชนที่เลือกมา)

ค่ำวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ นางเพโลซี บินไปลงเกาะไต้หวัน …ทั้งๆ ที่ผู้นำจีนเตือนแล้ว เรื่องนโยบาย “จีนเดียว”

ประโยคทองที่สี จิ้นผิง เตือนสหรัฐ คือ “อย่าเล่นกับไฟ”

เธอบินกลับออกไปแล้ว…นี่คือ “จุดเริ่มต้น” ของฉากทัศน์ใหม่ที่คึกคัก เร้าใจ…ยากจะคาดเดา…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image