ก้าวไกลเกิน… พระหย่อนบัตรเลือกตั้ง

รัฐสภาจะเปิดประชุมสมัยสามัญประจำปี 2565 สมัยที่ 2 วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ใช้เวลา 120 วัน จะปิดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ก่อนครบวาระ 4 ปี วันที่ 24 มีนาคม 2566
ระหว่างนี้ไม่ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้นก่อนหรือไม่ก็ตาม การเลือกตั้งทั่วไปจะต้องเกิดขึ้นภายใน 60 วันหากเกิดยุบสภา แต่หากอยู่ครบวาระต้องเกิดขึ้นภายใน 45 วัน
สถานการณ์จะดำเนินไปในรูปไหน ขณะนี้เป็นช่วงปลายสมัยรัฐบาล บรรยากาศการออกตัว ขับเคี่ยว แข่งขันระหว่างพรรคการเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นตามลำดับ
นอกจากแข่งกันเสนอจุดขายตัวบุคคล เหล่าขุนพลแม่เหล็กรุ่นเก่า รุ่นใหม่ทั้งหลายแหล่แล้ว การเสนอชุดนโยบายใหม่ๆ ค่อยปรากฏออกมาเรื่อยๆ

ออกตัวแรงล่าสุดเสนอขายชุดใหญ่ก่อนใครก็คือ พรรคก้าวไกล ผลักดันนโยบายที่เคยเสนอมาแล้วแต่ยังไม่บรรลุต่อ อาทิ ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 เลิกเกณฑ์ทหาร

กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เลือกตั้งผู้บริหารทุกระดับ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด

ใหม่สุดสุดเสนอให้พระสงฆ์ได้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ยกเหตุผลเช่นเดียวกับนักบวชศาสนาอื่น อ้างว่าพระสงฆ์อยู่ภายใต้กฎหมาย ต้องไปเกณฑ์ทหาร ฉะนั้น ควรจะได้รับสิทธิเหมือนฆราวาส แต่กลับต้องถูกยกเว้น

Advertisement

ประเด็นคำถามต่อเนื่องประการแรกมีว่า สิทธิทางการเมืองที่พระสงฆ์ควรจะได้รับนั้นจำกัดอยู่เพียงแค่สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเท่านั้น จะก้าวไปให้สุดถึงสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งด้วยเลยหรือไม่

ที่ผ่านมาทั้งข้อกฎหมายและขนบประเพณีทางการเมือง พระสงฆ์เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 96 (1) ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช

และเป็นบุคคลต้องห้ามสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 98 (4)

Advertisement

ถ้าจะให้พระสงฆ์มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งต้องยกเลิกมาตรา 96 (1) ส่วนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งต้องยกเลิกมาตรา 98 (4)

แต่ไม่ว่าจะให้สิทธิแค่ไหนก็ตาม เชื่อว่านโยบายนี้จะสร้างความร้อนแรงระอุไปทั่วทุกวงการ เกิดปฏิกิริยา วิวาทะกันอย่างกว้างขวาง เผ็ดมัน ทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย กลายเป็นวาระทางสังคมอีกเรื่องอย่างแน่นอน

เพราะจะเกิดข้อถกเถียงถึงเส้นแบ่งระหว่างการบ้าน การเมือง กับการวัด ศาสนจักร กับอาณาจักร ที่เหมาะสมควรอยู่ตรงไหน

ขอบเขตระหว่างโลกิยะ ความเป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากรระหว่างกลุ่มคนต่างๆ ในสังคม กับโลกุตระ ความหลุดพ้นจากกิเลส ตัณหา
ทั้งปวง

บทบาทหน้าที่ของฆราวาสกับพระภิกษุสงฆ์ที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร

กฎหมายกับพระธรรมวินัย สิทธิเสรีภาพ ความเป็นกลาง การไม่ฝักใฝ่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จุดไหนคือความพอเหมาะพอดี ทำให้สังคมสงบสุข

แน่นอนว่าพระเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของสังคม ย่อมได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของฝ่ายอาณาจักร มีผลต่อสถานภาพ ความมั่นคง ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองของการพระศาสนา

ในความเป็นจริงไม่สามารถแยกการเมืองกับการศาสนาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็ตาม แต่ก็มีหลักการที่ต้องคำนึงถึงควบคู่กันไป คือหลักการแบ่งแยกอำนาจ หน้าที่

ทำนองเดียวกันกับหลักแบ่งแยกอำนาจหน้าที่ระหว่างฝ่ายการเมืองผู้กำหนดนโยบายกับฝ่ายข้าราชการประจำ ต้องแยกจากกัน ข้าราชการจึงถูกจำกัดให้มีสิทธิเฉพาะลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

ขณะที่พระสงฆ์มีบทบาทหน้าที่ มีเป้าหมายทางการพระศาสนา รักษาพระธรรมวินัย ศีลธรรมจรรยา ซึ่งลึกซึ้งแยบคายกว่ากฎหมายของฝ่ายฆราวาส

การให้สิทธิพระสงฆ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจึงล่อแหลม ทำให้ต้องเลือกข้างระหว่างพรรคใดพรรคหนึ่งที่ลงคะแนนให้ จึงต้องชั่งให้ดีระหว่างผลดีกับผลเสียที่จะตามมา อย่างไหนมากกว่า
ข้อเสนอชุดนโยบายนี้ของพรรคก้าวไกลวางอยู่บนฐานคิดด้านสิทธิเสรีภาพเป็นหลัก แต่เป็นการมองมุมเดียวยิ่งทำให้คณะสงฆ์เกิดรอยร้าว แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย เป็นขั้วตามนโยบายของพรรคมากขึ้นไปอีก

ฉะนั้น แทนที่จะเสนอให้พระมีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เสนอแนวทางในเรื่องจำเป็นและเร่งด่วนกว่าเป็นจุดขายมิดีกว่าหรือเป็นต้นว่า จะแก้ปัญหาพุทธพาณิชย์ พระปลอม พระเก๊ ความเสื่อมถอยศรัทธาและห่างไกลพระศาสนาของพุทธบริษัทด้วยวิธีการใด

ทำอย่างไรให้การพระศาสนาเข้มแข็ง เจริญรุ่งเรือง วัฒนาถาวร เป็นเครื่องมือให้สันติภาพ ภราดรภาพ เกิดขึ้นทั่วทั้งสังคม

ถ้าจะวิเคราะห์การเมืองเรื่องตัวเลข นโยบายนี้อาจได้คะแนนเสียงจากพระสงฆ์ที่มีอยู่ สถิติปี 2563 มีพระ 282,571 รูป เป็นมหานิกาย 248,358 ธรรมยุต 34,017 วัดทั้งหมด 41,142 แห่ง ก็คงจะได้ไม่เท่าไหร่

พระส่วนใหญ่คงไม่ใช้สิทธิเพราะมุ่งมั่นดับกิเลส ตัณหา แสวงหาความสงบเพื่อหลุดพ้นมากกว่า

การที่พรรคก้าวไกลก้าวเร็วไปในเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะมั่นใจว่าฐานเสียงคนรุ่นใหม่เอาด้วย ดูจากตัวเลขการหักภาษีสนับสนุนพรรคมาอันดับหนึ่งถึง 65 ล้านบาท

แต่กลับกลายเป็นเปิดศึกหลายด้าน จากประเด็นเดิมๆ หลายเรื่องอยู่แล้วเพิ่มขึ้นอีก ได้ไม่คุ้มเสีย จริงๆ ครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image