สถานีคิดเลขที่ 12 : มิตรสนิท-มิตรหงุดหงิด

สถานีคิดเลขที่ 12 : มิตรสนิท-มิตรหงุดหงิด ชัดเจนแล้วว่าพรรคสร้างอนาคตไทย

สถานีคิดเลขที่ 12 : มิตรสนิท-มิตรหงุดหงิด

ชัดเจนแล้วว่าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ภายใต้การนำของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จะหวนกลับคืนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
แต่ถึงจะแปรผันไปจากนี้ กระนั้นแค่มีกระแสข่าวนี้ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์เต็มๆ
ไม่พ้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยไปตอกย้ำจุดยืนที่ชูขึ้นมาตอนนี้ คือ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างพลังปรองดอง ร่วมมือทุกฝ่าย”
และจุดยืนนี้ดูเหมือนจะสร้างผลบวกให้กับ พล.อ.ประวิตร อย่างมาก

ด้วยทำให้ “บิ๊กป้อม” ถูกมองว่าเป็น “ข้อต่อ” ที่พร้อมจะเชื่อมกับฝ่ายใดก็ได้
กลุ่มนายสมคิด เป็นอาทิ และขนาดกับขั้วที่เป็นฝ่ายตรงข้าม อย่างพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่วายตกเป็นกระแสข่าวว่า อาจมี “ดีลลับ” กับ พล.อ.ประวิตร เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้า
เช่นกัน ข่าวนี้จะจริงหรือไม่จริงก็ตาม แต่สำหรับ พล.อ.ประวิตร ดูจะไม่เสียหายกับกระแสข่าวนี้เท่าใดนัก

ตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย ดูเหมือนจะเผชิญคำถามมากมายกับการสลับขั้วที่ว่า และถึงแม้จะปฏิเสธแต่ดูเหมือนสังคมก็ยังจับจ้องอย่างไม่วางตา
ผิดกับ พล.อ.ประวิตร ที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการชี้แจงนัก
แถมยังหาประโยชน์จากความกำกวมไปเรื่อยๆ ด้วยการยืนยันว่าพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่าย
จนแทบกลายเป็นความเชื่อทางการเมืองไปแล้วว่า อย่างไรเสีย พล.อ.ประวิตรคงจะนำพาพรรคเป็นรัฐบาลต่อไป

Advertisement

นี่กระมังทำให้พรรคพลังประชารัฐ ที่เดิมมีคนไหลออก โดยเฉพาะจากแรงดูดของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปร่วมสร้างฝัน
แต่ พล.อ.ประวิตรที่แม้ทางด้านสรีระ จะเคลื่อนไหวอุ้ยอ้าย แต่ก็สามารถพลิกสถานการณ์จากรับเป็นรุกได้ตามสมควร
ด้วยการ ชิง “ปาดหน้า” พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งด้านนโยบาย อย่างบัตรคนจน 700 บาท ชิงปาดหน้า พรรครวมไทยสร้างชาติ ในการลงพื้นที่เพื่อตรึงและดึง ส.ส.ที่มีศักยภาพกลับมาอยู่ร่วมพลังประชารัฐต่อไป

ขณะเดียวกันยังโชว์อีเวนต์ให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คุกเข่ามอบมาลัย ปูทางให้ลูกกลับมาหาพ่ออย่างเอิกเกริก
และที่กำลังถูกจับตามองนั่นก็คือ กระแสการกลับบ้านของกลุ่มนายสมคิด-อุตตม และสนธิรัตน์
ซึ่งหากเป็นจริงนอกจากจะทำให้พลังประชารัฐคึกคักแล้ว ยังเป็นการย้อนศรกลับไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ที่นอกจากมิอาจจะรักษาสัมพันธ์กับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้แล้ว ยังถือเป็น “อริ” ในทางการเมือง
มิอาจกลับคืนมาเป็น “มิตร” ได้อย่างที่ พล.อ.ประวิตรทำ
จึงทำให้ภาพของพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร มากด้วยความยืดหยุ่น ประนีประนอม

ตรงกันข้ามกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ ณ วันนี้ ยังมิอาจสลัดภาพความเป็นผู้นำเจ้าอารมณ์ ที่มากด้วยความฉุนเฉียว ออกไปได้ แม้ว่าในวันนี้จะกลายเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วก็ตาม
และแน่นอน อารมณ์ฉุนเฉียวของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้านหนึ่งมาจาก “การปาดหน้า” ทางการเมืองของพี่ป้อม อย่างปฏิเสธได้ยาก
ทำให้วันนี้ พล.อ.ประวิตร มากด้วยมิตรและพวก
ผิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดูเหมือนจะจำกัดวงไว้เฉพาะในหมู่คนใกล้ชิด
มิได้เป็นการ “รวมไทย” หรือ “รวมใคร-ใคร” มาช่วยกันในการทำศึกเลือกตั้ง อย่างชื่อพรรค

Advertisement

แท้แต่ ส.ว.ที่เคยเป็น “กลุ่มมิตรสนิท” โหวตไหนโหวตด้วย ยังแหกออกมา “ผวน” ชื่อพรรคเป็น “รวมทาสสร้างชัย”
ซึ่งนอกจากชวนให้ฉุนเฉียวแล้ว ยังสะท้อนว่ากลุ่มมิตรสนิทบางส่วนในสภาสูง กลายเป็น “มิตรหงุดหงิด” พร้อมแปรผันเป็นอื่น
และอาจถูกพี่ป้อมดึงมาเป็นมิตร เพื่อยกมือโหวตหนุน ให้เป็นนายกฯคนที่ 30
ปาดหน้านายกฯตู่ต่อหน้าต่อตาอีกก็ได้!

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image