สถานีคิดเลขที่ 12 : เคารพเสียงประชาชน

สถานีคิดเลขที่ 12 : เคารพเสียงประชาชน เปิดจุดยืนและส่งสัญญาณในทางการเมือง

สถานีคิดเลขที่ 12 : เคารพเสียงประชาชน

เปิดจุดยืนและส่งสัญญาณในทางการเมือง ผ่านการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ภายหลังการเลือกตั้ง ส.ส.ที่กำลังจะมีขึ้นในห้วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

หากเป็นไปตามไทม์ไลน์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันกาบัตรเลือกตั้งไว้ คือวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ กรณีที่รัฐบาลอยู่ครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 23 มีนาคมนี้

สัญญาณการโหวตเลือกนายกฯคนต่อไป เริ่มมีความชัดเจนมาจาก วันชัย สอนศิริ หนึ่งใน ส.ว.ที่กุมเสียงข้างมากแบบแลนด์สไลด์ไว้ล่วงหน้าแล้ว 250 คน

Advertisement

โดย ส.ว.วันชัยระบุว่า “เพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ก็แลนด์สไลด์ไป เพื่อไทยจะเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรืออุ๊งอิ๊ง เป็นนายกฯ ก็เป็นเรื่องของเพื่อไทย แต่พรรคผมและพวกผมไม่เลือกแน่นอน นั่นหมายความว่าถ้าอุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกฯ เพื่อไทยจะต้องรวมเสียงของพรรคให้ได้ถึง 376 เสียง และเสียงเหล่านั้นทุกคนต้องยอมรับในตัวอุ๊งอิ๊ง ถ้าไม่ได้ 376 เสียงจริงๆ ทางเดินของอุ๊งอิ๊งที่จะไปสู่ดวงดาวแห่งความเป็นนายกฯนั้นคงริบหรี่เต็มที ไม่ใช่เป็นการดูถูกดูแคลนอะไรหรอก แต่เป็นเรื่องทางการเมือที่เป็นจริง

ไม่ใช่เป็นเรื่องของการปราศรัยหาเสียง ไม่ใช่เป็นเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่เป็นเรื่องทางการเมืองของคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ

ที่เรียกร้องแลนด์สไลด์ให้ 250 ส.ส.ปะทะ 250 ส.ว. ระวัง 250 ส.ว.จะแลนด์สไลด์ตีกลับ”

Advertisement

ขณะเดียวกันมี ส.ว.บางคน ออกมาแสดงท่าทีสอดรับกับความคิดเห็นของ ส.ว.วันชัย ในทำนองว่า ต้องขอดูก่อนว่า ถึงแม้จะชนะแลนด์สไลด์ ต้องดูอีกครั้ง เพราะประเทศชาติไม่ใช่ของเล่น คนที่จะมานำพาประเทศไปสู่สากลให้ได้ ไม่ใช่มาแล้วเล่นขายหม้อข้าวหม้อแกง อีกทั้งยังมองว่าอุ๊งอิ๊งควรจะเสริมกระดูกทางการเมืองอีกสักหนึ่งสมัย แล้วค่อยมาว่ากัน เพราะเราเคยมีประสบการณ์แล้วว่านายกฯที่หน่อมแน้ม สร้างปัญหาให้กับประเทศชาติ ฉะนั้นค่อยกลับมาอีกครั้ง แต่ในสถานการณ์โลกแบบนี้ขอคนที่กระดูกแข็งๆ หน่อย

แม้อำนาจของ ส.ว.ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 ตามมาตรา 272 ที่สามารถร่วมโหวตเลือกนายกฯกับ ส.ส.ทั้ง 500 คนได้ ในช่วง 5 ปี ของการทำหน้าที่นั้น

แต่การมาแสดงจุดยืนว่าจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนใครเป็นนายกฯ ก่อนที่จะทราบผลการเลือกตั้ง พร้อมกับตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปได้ยาก คือ ต้องให้พรรคการเมืองรวมเสียง ส.ส.ให้ได้ 376 เสียง ส.ว.จึงจะไม่ขัดข้องในการเลือกนายกฯคนดังกล่าว

ทั้งที่ตามหลักการประชาธิปไตย ควรต้องรอดูผลการเลือกตั้งที่จะสะท้อนฉันทามติของประชาชนให้ออกมาก่อนว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะลงคะแนนเสียง ให้พรรคหนึ่งพรรคใดได้เสียง ส.ส.มาเป็นอันดับหนึ่ง หากรวมเสียง ส.ส.จัดตั้งรัฐบาลได้เกิน 250 เสียง ย่อมจะเป็นความชอบธรรมให้พรรคดังกล่าวมีสิทธิเข้ามาทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร

ซึ่งรัฐบาลจะเดินหน้าบริหารงานได้จะต้องมีเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลไม่น้อยกว่า 250 เสียง ซึ่งเป็นจำนวนที่เกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ในสภา 500 คน

ไม่ใช่ดันทุรัง ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยขึ้นมาแข่ง โดยหวังเสียงของ 250 ส.ว.มาช่วยโหวตเลือกนายกฯให้ได้ก่อน

หากฝืนตั้งรัฐบาลที่สวนทางกับฉันทามติของประชาชน ย่อมนับถอยหลังจุดจบของรัฐบาลดังกล่าวไว้ล่วงหน้าได้เลย

จตุรงค์ ปทุมานนท์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image