บทนำ : ระเบียบยุบพรรค
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทยและอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กว่า แก้ระเบียบใหม่ กกต. ต่อจากนี้ยุบพรรคติดเทอร์โบ พร้อมกับระบุว่า 15 กุมภาพันธ์ 2566 กกต.ออกระเบียบใหม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาอีกฉบับ คือ ระเบียบว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง พ.ศ.2566
และระบุรายละเอียด คือประการแรก ยกเลิกระเบียบเก่า ของปี 2564 ประการที่ 2 พรรคไหนถูกร้องหรือพบว่าทำผิด มาตรา 92 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง (ล้มล้างการปกครอง ปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย แสวงหากำไร ยอมให้คนนอกครอบงำ รับบริจาคจากบุคคลเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคง สนับสนุน คุกคามความสงบเรียบร้อย เรียกรับเพื่อให้ได้ตำแหน่งทางการเมืองรับเงินจากแหล่งมิชอบด้วยกฎหมาย รับเงินจากคนไม่มีสัญชาติไทย) ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อรับหรือไม่รับเรื่องใน 7 วัน ประการที่ 3 การรวบรวมข้อเท็จจริง ให้เสร็จใน 30 วัน ขอขยายได้ครั้งละ 30 วัน ประการที่ 4 เมื่อเสนอ กกต.ลงมติยุบพรรค ให้ กกต.พิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรค และประการที่ 5 ระเบียบนี้ไม่ใช้กับ คำร้องเก่าก่อนประกาศ เว้ยเฮ้ย ฤทธิเดชจริงจริง
เป็นข้อสังเกตจากอดีต กกต.เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนระเบียบการพิจารณายุบพรรค ซึ่งน่าสนใจว่า ในทางปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้นและจะส่งผลต่อพรรคการเมืองใดบ้าง ในอดีตที่ผ่านมา พรรคใหญ่หลายพรรคถูกยุบ อาทิ พรรคไทยรักไทย จนต้องเปลี่ยนเป็นพรรคพลังประชาชน ก่อนมาเป็นพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังมีพรรคการเมืองที่เคยร่วมกับพรรคไทยรักไทย โดนยุบไปด้วย ล่าสุด หลังการเลือกตั้ง 2562 พรรคอนาคตใหม่ ถูกยุบ จนต้องปรับเปลี่ยนเป็นพรรคก้าวไกล
นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณล่าสุดว่า จะยุบสภาก่อนวันสิ้นวาระของสภา คือก่อนวันที่ 23 มีนาคม 2566 เท่ากับว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม 2566 การแข่งขันระหว่างพรรคมีความเข้มข้น ความนิยมของประชาชน เทมาทางฝ่ายค้าน ส่วนพรรครัฐบาลได้เปรียบในเรื่องกฎหมายที่ดีไซน์มาช่วยเหลือเต็มที่ ท่ามกลางระเบียบ กฎหมายที่ประมาทไม่ได้เหล่านี้ จะเกิดปัญหากับพรรคใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตา
