| ผู้เขียน | เดินหน้าชน |
|---|
เดินหน้าชน : หุ้นพรรค
ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ไม่เพียงสภาพอากาศที่จะอบอ้าว บรรยากาศการเมืองไทยก็ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งวันเวลาเดินใกล้สู่โหมดเลือกตั้ง ยิ่งดุเดือด เลือดพล่าน
แต่ละพรรคงัดนานาศัสตราวุธ นำมาห้ำหั่นฝ่ายตรงข้าม
มิใช่แค่นโยบายสวยหรูที่โชว์แข่งกันหน้าฉาก แต่ใช้สารพัดกลวิธี เพื่อผลแห่งชัยชนะได้เก้าอี้ ส.ส.ให้มากที่สุด
ไม่ว่าจะใช้กลไกอำนาจรัฐบีบคั้น กดดัน การปล่อยข่าวใส่ร้ายทำลาย
รวมถึงฟ้องร้องให้ตรวจสอบเรื่องต่างๆ ซึ่งจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ถือเป็นช่วงเวลาทองของบรรดานักร้อง
ทั้งร้องเองเพื่อหวังมาลัยพิเศษจากบางคน บางพรรคให้หยุดร้อง หรือร้องตามใบสั่งเพื่อสกัด ขัดขวางคู่แข่ง
ขณะที่การดำเนินการของพรรคในปัจจุบัน เป็น “ธนกิจการเมือง” มากขึ้น มีการใช้เงินมหาศาล จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ว่าพรรคไหนจะทุนหนา หรือเบี้ยน้อย
อีกทั้งไม่ต่างไปจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทเอกชน ทั้งสร้างแบรนด์ให้น่าเชื่อถือ ผุดแคมเปญจูงใจ ทำการตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด อีกทั้งตระเวนจัดอีเวนต์ปราศรัยหาเสียง ในพื้นที่ต่างๆ
โดยมีนโยบายของพรรคเป็นผลิตภัณฑ์ ที่จะไปเสนอขายให้กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ขณะที่ผู้สมัคร ส.ส. ก็มีสถานะทั้งเป็นพนักงานที่จะไปช่วยขายนโยบายของพรรค
อีกสถานะหนึ่ง ตัวเองก็เป็นผลิตภัณฑ์ด้วย ที่จะไปเสนอให้ประชาชนลงคะแนนให้
ดังนั้น ผู้สมัคร ส.ส.แต่ละคนจึงมีราคาค่าตัวมากน้อยต่างกัน ถ้าเกรดเอ-บี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ส.ส.เก่า มีฐานเสียงปึ้ก โอกาสได้เก้าอี้ 80-90% เป็นที่ต้องการของตลาด ก็แพงหน่อย
ดังนั้น พรรคต้นสังกัดต้องดึงตัวเอาไว้ให้อยู่ หากพรรคอื่นอยากได้ไปร่วมก็ต้องทุ่มทุนเต็มที่
ส่วนผู้สมัครหน้าใหม่ ถ้าไม่ใช่ทายาทนักการเมืองเก่า หรือโปรไฟล์ไม่เจ๋งจริง ต้องเหนื่อยหนัก
แต่หากพรรคไหนปั้นแบรนด์ได้ดี เป็นที่สนใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็จะช่วยให้ผู้สมัครไม่เหนื่อยมาก
หากปั่นกระแสพรรคจนติดลมบน ในบางพื้นที่ก็ไม่ต้องใช้กระสุนมาก เผลอๆ อาจได้ทุนจากคนที่ขอมาลงสมัครด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิลงคะแนนนั้นมีหลากหลายกลุ่มอายุ อีกทั้งมีรสนิยมทางการเมืองไม่เหมือนกัน ความต้องการก็แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางกลุ่มอาจให้น้ำหนักกับนโยบายพรรค บางกลุ่มเน้นตัวบุคคลทั้งผู้นำพรรค หรือผู้สมัคร ส.ส.
มีบางกลุ่มที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของพรรค หรือผู้นำพรรค ตัดสินใจไปแล้วว่ามีเลือกตั้งเมื่อไหร่พร้อมกาบัตรให้ทันที
แต่มีบางกลุ่มยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งมีมากพอสมควร รอดูใกล้วันเลือกตั้ง ค่อยว่ากัน ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นเป้าหมายสำคัญของแต่ละพรรค ต้องออกแรงดึงมาลงคะแนนให้ตัวเอง
แม้ขณะนี้ยังไม่มีประกาศยุบสภา แต่คาดกันว่าจะมีการเลือกตั้งช่วงเดือนพฤษภาคม ยังมีเวลาพอที่พรรคเป็นรอง จะปั่นกระแสดึงคะแนนตีตื้น
ขณะเดียวกันพรรคที่เป็นต่อในขณะนี้ก็มีโอกาสที่หุ้นจะร่วงได้
สำหรับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะซื้อหุ้นพรรคไหน ก็แล้วแต่ใจชอบ
คำเตือน…การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงคะแนนเลือกตั้ง
ถ้าเลือกผิด ราคาหุ้นดิ่ง ไร้ปันผล จนกันถ้วนหน้า ต้องรอไปอีก 4 ปี
สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม
