ผู้เขียน | วรศักดิ์ ประยูรศุข |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : 14 พ.ค.และจากนั้น
การแข่งขันเพื่ออำนาจบริหารประเทศ จะได้ข้อสรุปเบื้องต้นในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้
เสียงสะท้อนผ่านสื่อต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งออนไลน์ ผ่านโพล การสำรวจต่างๆ หรือแม้แต่จากการพูดคุยตามวงสนทนาต่างๆ เห็นชัดเจนว่า ต้องการจะให้ประเทศไปทางไหน
ในภาพรวมคือ ต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาพที่ดีขึ้น ทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม
พรรคต่างๆ เสนอนโยบายตอบรับกระแสความต้องการนี้ เพียงแต่จะเปลี่ยนมากเปลี่ยนน้อย แตกต่างกันที่ความเข้มข้นในการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งระดับประเทศอย่างนี้ ลงสมัครสู้กันใน 400 เขต และยังต้องขออีก 1 คะแนนสำหรับพรรค เพื่อไปจัดสรรเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 100 คน ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะให้ผลเป็นไปตามความประสงค์ของใคร
มีการพูดจากันทั่วไปว่า เป็นการเลือกตั้งที่เกิดการสะพัดของเงินตรา และมีการยิงกระสุนกันมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง
ใครจ่ายใครรับคงระบุไม่ได้ แต่มีข่าวสารจากหน่วยงานรัฐ ระบุว่า ในช่วงเลือกตั้ง มีการหมุนเวียนของเงินสด มีการใช้แบงก์ 500 และแบงก์พัน ประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท
ตัวเลขระดับนี้ จะมีผลต่อการสอบได้สอบตกของใครอย่างไร เป็นการใช้จ่ายหรือทุ่มทุนของพรรคไหน ต้องลุ้นผลการเลือกตั้งกันในวันที่ 14-15 พ.ค. และข่าวสารที่จะตามมา
ผลการเลือกตั้งใครจะไปใครจะมา ใครสอบได้สอบตก อาจจะพอคาดหมายได้ แต่รัฐบาลใหม่ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นายกฯคนใหม่จะเป็นใคร ยังมึนๆ กันอยู่ เพราะรู้กันว่ามีปัญหาอุปสรรค
พรรคไหนจะจับมือกับพรรคไหน เป็นคณิตศาสตร์การเมืองที่กำลังกะเก็งกันอยู่
เบอร์ต้นๆ ของพรรคมาแรงสุด จะไปกันได้ไหมในทางการเมืองประเทศไทยที่มีตัวแปรสลับซับซ้อน
แม้จะเป็นพรรคในแนวทางคล้ายกัน คือต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ในทิศทางประชาธิปไตยที่มุ่งเพื่อคนส่วนใหญ่
หรือจะต้องเกิดสมการของการจับขั้วที่แปลกออกไป เพื่อตอบโจทย์ความซับซ้อนดังกล่าว
แต่อาจจะไม่ตอบความประสงค์ของประชาชน ที่คาดหมายว่า 14 พ.ค.นี้ จะออกจากบ้านไปใช้สิทธิกันมากมาย
ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่น่าห่วงกังวล เพราะประชาชนตั้งความหวังกับการเลือกตั้งไว้มาก และคนไม่น้อยที่ลงสมัคร ทุ่มเทพลังกายใจด้วยความเชื่อมั่นในระบบเลือกตั้ง
ยุคนี้ใครจะยอมอีก ที่จะแค่เข้าคูหาแล้วเลิกๆ กันไป จากนั้นใครอยากพาประเทศไปทางไหนก็ได้
ในสถานการณ์ที่มีคนบางกลุ่มจ้องฉวยโอกาสจากความคลุมเครือ บางหน่วยงานของรัฐ พยายามสนับสนุนแนวโน้มนี้ ไหนยังมีการสะพัดของเงินทองอีก
เพื่อยื้อผลเลือกตั้ง ยื้อการเมืองไปตามแนวคิดความเชื่อของตนเอง
ความชัดเจนในผลเลือกตั้งจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด
หากต้องการให้มติของประชาชน มีผลกำหนดอนาคตของประเทศ