สถานีคิดเลขที่ 12 : ฝันรักหวานเว่อร์

สถานีคิดเลขที่ 12 : ฝันรักหวานเว่อร์ อาจจะเลี่ยน หรือโอเวอร์ไปพอควร

อาจจะเลี่ยน หรือโอเวอร์ไปพอควร สำหรับการแสดงท่าที “รักใคร่” แบบ “เล่นใหญ่” ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ในนามพรรคเพื่อไทย ต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
แต่กระนั้น ก็เข้าใจ และรับ “ความหวาน” เกินขีดนั้นได้
เพราะดูเหมือนที่ผ่านมา เสียงบอกรักในระดับ “ปกติ” ของคนพรรคเพื่อไทย จะไม่สามารถสู้กระแส “รบ” ใน “รัก” กับพรรคก้าวไกลได้
รบ ทั้งจากคนในและจาก “ด้อมและเอฟซี”นอกพรรคทั้งสอง ที่มีจุดยืนและเป้าหมายที่แตกต่าง
รบ ทั้งจาก “ฝ่ายการเมือง” อื่น ที่ต้องการให้ทั้งสองพรรคแตกหัก ล่ม “ดีลจัดตั้งรัฐบาล” ลง เพื่อ “ส้ม” จะได้ไปตกในฝ่ายตน
การที่จะสยบ หรือลดกระแส “รบ” ลงได้ จึงจำต้อง “เล่นใหญ่”
โชว์ซุปเปอร์รัก ให้ “หวานแสบคอ” กันไปทั้งบาง อย่างที่เราเห็น

ซึ่งว่าไป ก็ได้ผลอยู่ตามสมควร เพราะดูกระแส “รบ” จะเบาบางลง ส่วนกระแส “รัก” เพิ่มขึ้น
และยิ่งคีย์แมนของแต่ละฝ่ายกลับสู่ที่ตั้ง ไม่สร้างเงื่อนไขทั้งตรงและอ้อม ให้เกิดข้อสงสัยในข้อตกลง “รัก”
ก้าวไกลและเพื่อไทยจึงมีภาพของคู่รักพรรคการเมืองชัดเจนกว่าเดิม
ถือเป็นสัญญาณที่ดีของ “ปีกเสรีนิยม”
ด้วยหากรบกันเองต่อไปมีแต่จะบั่นทอนแรงของฝ่ายตนเองลงไปเรื่อยๆ
ขณะที่ฝ่ายรอ “ส้มหล่น” ก็จะตีปีกรอ
และเร่งตอก “นานาลิ่ม” ให้การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคแตกสลายไปในที่สุด
ซึ่งไม่ควรจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
เพราะประชาชนเสียงส่วนใหญ่ ได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนแล้วว่าต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนแปลงโดยให้ขั้วฝ่ายค้านเดิมมีโอกาสที่จะนำพาประเทศ แทนขั้วรัฐบาลปัจจุบัน
ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงควรเคารพเจตนารมณ์นี้

แน่นอน เมื่อมาถึงจุดนี้ คงไม่ใช่เพียงการเรียกร้องจากสมาชิกวุฒิสมาชิก (ส.ว.) ให้คำนึงถึงเจตนารมณ์นี้เท่านั้น
สังคมคงต้องเรียกร้องจากนักการเมือง และพรรคการเมือง ที่มาตามระบอบประชาธิปไตยและตามการเลือกตั้งทั้งหมดด้วย
ทั้งนี้ หากนักการเมือง และพรรคการเมือง ทั้งที่อยู่ในฝ่ายกำลังจับขั้วตั้งรัฐบาล หรือฝ่ายที่ไม่ได้อยู่ในขั้วที่จะได้เป็นรัฐบาล เห็นว่าสิ่งที่ประชาชนแสดงออกผ่านคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างชัดเจนที่สุด
คือ อยากให้ประเทศฟื้นกลับสู่การเป็นประชาธิปไตยอันแท้จริง
นักการเมือง และพรรคการเมืองก็ควรจะตอบสนองสิ่งที่ประชาชนต้องการ
โดยเรียกร้องให้ นักการเมือง พรรคการเมือง “เล่นหวาน เล่นใหญ่” ด้วยการสนับสนุนในเชิง “หลักการ” ไม่ใช่ “บุคคล” โดยให้โอกาสผู้ที่ได้รับฉันทานุมัติจากเจ้าของประเทศ (ซึ่งในตอนนี้คือ นายพิธา) ให้เป็นผู้นำ โดยไม่ต้องพึ่งพา หรือพึ่งพาเสียงวุฒิสมาชิกให้น้อยที่สุด
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ร่วมกัน ว่านักการเมือง พรรคการเมือง (ที่มาจากการเลือกตั้ง) สนับสนุนและให้โอกาสแก่ฝ่ายที่ประชาชนส่วนใหญ่มีมติให้เข้าไปจุดไฟเริ่มต้นประชาธิปไตยอันแท้จริง

โดยไม่ใช่การผูกพัน ผูกมัด ว่าเป็นการสนับสนุนใครในเชิงบุคคล
แต่เป็นการแสดงออกในเชิงหลักการที่จะสนับสนุน ตามมติของมหาชน
และผู้ที่ได้รับฉันทามตินั้นก็ต้องรับภาระในการสร้างประชาธิปไตยอย่างเต็มที่
โดยสิ่งแรกที่ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันคือร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ เพื่อให้ความยุติธรรม เท่าเทียม เป็นประชาธิปไตยแก่ทุกฝ่าย
จะว่านี่คือ การฝันหวาน ก็ใช่

Advertisement

และก็ใช่อีก ฝันหวานส่วนใหญ่ มักจะไม่เป็นจริง
แต่กระนั้นก็ยัง “รัก” ที่จะฝันหวานเว่อร์
ฝันเห็นนักการเมือง พรรคการเมือง “รักในหลักการ” เคารพมติประชาชน
ไม่ใช่รอส้มหล่น หรือยอมเป็น “นั่งร้าน” ให้แก่ฝ่ายหยิบยื่นประโยชน์ให้เท่านั้น!

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image