คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเห็นร่วมกัน ในการคงประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2566 อยู่ที่ 3.0-3.5% รวมทั้งการส่งออกปี 2566 คาดว่ายังอยู่ที่ -1.0-0.0% และกรอบอัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ 2.7-3.2% เท่าเดิม กับที่เคยประมาณการไว้ครั้งประชุมเดือนพฤษภาคม นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ประธานที่ประชุมแถลงว่า ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากการท่องเที่ยว 4 เดือนแรกต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวสูงกว่า 8 ล้านคน และคาดว่าทั้งปีจะมากถึง 30 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการจ้างงาน
นอกจากนี้ รายได้ในภาคเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมยังขยายตัว ทำให้ในภาพรวมผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นและมีการใช้จ่ายบริโภคเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจีนไม่ได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ฯลฯ ทำให้คาดว่าการส่งออก ปี 2566 จะหดตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา กกร.ยังมีข้อห่วงใย สถานการณ์ภัยแล้ง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ ปัจจัยด้านราคาน้ำมันดีเซลที่อาจเพิ่มสูงขึ้น หากมาตรการลดภาษีสรรพสามิต ลิตรละ 5 บาท สิ้นสุดลงในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานร่วม กกร. กล่าวว่า ภาคเอกชน ต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ภายในเดือนสิงหาคมนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนและการบริโภค แต่หากล่าช้าอีก 2-3 เดือน และเกิดสถานการณ์รุนแรง เช่น ชุมนุมประท้วง คาดว่าจะกระทบจีดีพีปี 2566 ที่อาจเหลือเพียง 2-2.5% ได้รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ลดลง ทั้งนี้ในส่วนการลงทุนจากต่างประเทศนั้น นายสนั่น อังอุบลกุลประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้สถานทูตประเทศต่างๆ ได้แนะนำชะลอการลงทุนในไทยออกไปก่อน เนื่องจากกระบวนการตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ มีแนวโน้มล่วงเลยเดือนสิงหาคม
กรอบเวลาไม่เกิน 60 วัน กกต.ต้องรับรองผลเลือกตั้ง ครบกำหนด 13 กรกฎาคม กติกานี้เป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน ซึ่งการรับรอง ส.ส.นั้นได้กำหนดเอาไว้ชัดเจน ภาคธุรกิจ นักลงทุน ทุกฝ่ายรับได้ ดังเห็นได้จากการคาดการณ์ตั้งรัฐบาลสำเร็จ ในเดือนสิงหาคม หรือใช้เวลาดำเนินการ 1 เดือนครึ่ง แต่ข้อวิตกว่า จะยืดเยื้อ น่าเชื่อได้ว่า มาจากปัญหาการเมือง ที่จับสัญญาณได้ในขณะนี้ว่ารูปการณ์อาจไม่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งที่ชอบธรรม ประชาชนไว้วางใจ ไม่เพียงแต่วิตกยืดเยื้อเท่านั้น หากแต่ยังมีเสียงสะท้อนออกมาว่า อาจทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นอย่างที่ควรจะเป็นตามครรลอง ครองธรรม
