สถานีคิดเลขที่ 12 : ประชาธิปไตยที่เรียบง่าย

สถานีคิดเลขที่ 12 : ประชาธิปไตยที่เรียบง่าย หนึ่งในคลิปวิดีโอจากโซเชียลมีเดีย

หนึ่งในคลิปวิดีโอจากโซเชียลมีเดียของสำนักข่าวหรือเพจการเมืองต่างๆ ที่มีคนดูเยอะมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ คลิปที่ อาจารย์สุขุม นวลสกุล พูดเอาไว้ในงานเสวนาหัวข้อ “เกิดมาเป็นนายกฯ” เนื่องในวาระ 74 ปี สถาปนาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนหนึ่งว่า

สำหรับตนเอง อนาคตของการเมืองไทยตอนนี้ไม่มีฉากทัศน์อื่นๆ นอกจากฉากที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกลที่ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง ต้องได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปเท่านั้น

นักรัฐศาสตร์ นักวิจารณ์การเมือง นักพูด-โต้วาที และราษฎรอาวุโส อย่างอาจารย์สุขุมยืนยันถึงหลักการง่ายๆ และครรลองธรรมดาสามัญที่ควรดำเนินไปอย่างราบรื่นของระบอบประชาธิปไตยปกติ ที่ว่า พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้ง มีคะแนนเสียงความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด ต้องได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

นี่คือหลักการที่แสนเรียบง่ายของระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง

Advertisement

ก่อนที่ความสลับซับซ้อนต่างๆ จะไปปรากฏตามขั้นตอนการทำงานในห้วงเวลา (อย่างมากที่สุด) 4 ปีของรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งการพยายามผลักดันนโยบายสำคัญๆ ที่สัญญาเอาไว้กับมหาชน และการต้องดีลกับสถาบันทางอำนาจประเภทอื่นๆ เช่น ระบบราชการ เป็นต้น

ความแปลกประหลาดของระบอบประชาธิปไตยไทยในปัจจุบัน ก็คือ มีหลายคน หลายกลุ่ม พยายามจะทำให้อะไรต่อมิอะไรมันยุ่งยาก ซับซ้อน ตั้งแต่ยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง

ผ่านการนำเอารายละเอียดหยุมหยิมมาขยายใหญ่โต ให้กลายเป็นปัญหาทางเทคนิค-ข้อกฎหมาย ที่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะมาใช้อำนาจตีความ-ตัดสิน เพื่อกลั่นกรอง (หรือถึงขั้น “สกัดกั้น”) การใช้อำนาจตัดสินใจของประชาชนอีกทีหนึ่ง

Advertisement

การเล่นงานพิธาเรื่องกรณี “หุ้นไอทีวี” คือ รูปธรรมชัดเจนอันหนึ่งของกระบวนการพิลึกพิลั่นนี้

โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับอาจารย์สุขุมที่มองว่า เราไม่ควรไปสนใจกระบวนการพวกนั้น (ไม่ต้องท่องจำมาตรานู่นนี่ที่จะใช้เล่นงานพิธา-ก้าวไกลด้วยซ้ำ)

แต่ทุกคนทุกเสียงทุกพลังในสังคมการเมืองไทยต้องช่วยกันยืนยันหลักเรียบๆ ง่ายๆ ตามระบอบประชาธิปไตย และพร้อมใจกันผลักดันให้เจตจำนงที่พี่น้องประชาชนแสดงออกผ่านคูหาเลือกตั้ง บรรลุถึงเป้าหมาย

หากผลักดันเรื่องง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้ และประเทศยังคงต้องตกอยู่ในวังวนอันฉ้อฉล-ไม่ตรงไปตรงมาต่อไป

สถานการณ์จะนำไปสู่ความสลับซับซ้อนอีกชุดหนึ่งที่ยากรับมือ

พิจารณาจากพลังของ “ประชาชนอันไพศาล” ที่ออกมาสนับสนุนพรรคก้าวไกลในวาระต่างๆ จากกรุงเทพฯ ถึงต่างจังหวัด

พลังของ “พลเมืองผู้กระตือรือร้น” ตั้งแต่เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยหลับใหลนับจากปี 2562 เป็นต้นมา คนชั้นกลางใน “พื้นที่เมือง” ที่ขยายกว้างขวางออกไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ และสื่อมวลชนกระแสหลักจำนวนไม่น้อยที่เลือกข้าง “ประชาธิปไตย” อย่างคึกคักเข้มแข็งหลังวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

พลังทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนแสดงจุดยืนไม่ยอมรับต่อการใช้อำนาจขัดขวางผลการเลือกตั้งอย่างผิดปกติ

ใครที่หวังจะใช้อำนาจลักษณะนั้น อย่าสุ่มเสี่ยงด้วยการกระตุ้นเร้าให้พลังเหล่านี้ “โกรธ” และ “แค้น” กฎหมาย-ระบบ-ระบอบ อีกครั้งเลย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image