ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
27 มิถุนายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะนำ 151 ส.ส.ก้าวไกล เข้ารายงานตัวเป็น ส.ส.
ถือเป็น “ก้าว” เข้าสู่สภา ในฐานะพรรคที่มีเสียงมากเป็นอันดับ 1
กระนั้นคงไม่อาจเชิดหน้าอย่างองอาจได้นัก
ด้วยต้องเหลียวหน้าแลหลัง ด้วยสองรายทางมากด้วยหอก ดาบ กับดัก ทุ่นระเบิด
ที่พร้อมกลายเป็นอุปสรรคพรรคก้าวไกลทุกย่างก้าว จึงต้องระมัดระวังอย่างสูง
โดยเฉพาะเป้าหมาย ที่จะส่งคนไปนั่งเป็น ประธานสภา และผลักดันให้นายพิธาก้าวไปสู่นายกฯคนที่ 30 นั้น
ตกอยู่ในภาวะแบบ “ใกล้ตา ไกลตีน”
คือ ดูเหมือนใกล้ แต่เอาเข้าจริงกลับไกลเหลือเกิน
จนฝ่ายสนับสนุนเกิดสภาวะจิตตก
จิตตกว่า ฝ่ายที่มาจากประชาธิปไตยและมาตามเจตจำนงเสียงข้างมากของประชาชน ไม่มีโอกาสที่จะเบียดแทรกฝ่ายอำนาจเก่าที่สร้างกำแพงปกป้องตนเองเอาไว้อย่างแน่นหนาได้เลยหรือ
ขณะเดียวกัน ฝ่าย 8 พรรคก็มิได้เป็นเอกภาพ
โดยเฉพาะก้าวไกลกับเพื่อไทย มีการช่วงชิงประโยชน์กันตลอดเวลา
ทำให้สิ่งที่ย่ำแย่อยู่แล้วก็เลยยิ่งย่ำแย่หนักขึ้นไปอีก
ทั้งที่เราได้แลเห็นความพยายามของคนส่วนหนึ่ง ที่จะลดช่องว่างอัน “ไกล” ให้ “ใกล้” จากคนทั้งสองพรรค
แต่ไม่รู้ว่าจะเปิดใจกว้างแก่กันแค่ไหน
อย่างในส่วนพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เรียกร้องถึงพรรคเพื่อไทย ให้ยึดหลักคิด “คะแนนน้อยกว่า แต่ใจไม่ได้เล็กกว่า แพ้ให้คม แล้วสร้างชัยชนะขึ้นใหม่”
เป้าหมายใหญ่อยู่ที่การตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย
และ 2 พรรคหลักต้องจับมือกัน
การแตกหักแยกทางถือว่าผิด …ฝ่ายรัฐบาลเดิมจะแทรกเข้ามา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยกับดัก ฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย
แต่ถ้าแพ้ทางการเมือง โดยเพื่อไทย ก้าวไกลไม่ได้ตั้งรัฐบาล หรือ 2 พรรคแตกกัน ชัยชนะของประชาชนจะลับหาย
“ผมคงขัดตา ขัดใจเพื่อนมิตรหลายคนในเรื่องนี้
แต่ด้วยความปรารถนาดี เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันรุ่งเรือง ทุกครั้งพรรคมีเรื่อง ผมก็ไม่เคยถอยหนี
เพื่อไทยอาจได้หรือไม่ได้เก้าอี้ตัวใด แต่ต้องไม่สูญเสียเก้าอี้ในหัวใจประชาชน…” นายณัฐวุฒิกล่าวย้ำ
ขณะที่เมื่อแลเข้าไปยังพรรคก้าวไกล
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวในการสัมมนาพรรคเรียกร้องให้ “เดินไกล” ต่อไปว่าเพื่อตอบรับต่อความคาดหวังของประชาชนที่ขึ้นสูงมาก
พรรคก้าวไกลต้องสร้าง 3 เปลี่ยน
1.เปลี่ยนกฎหมาย ให้กฎหมายที่ก้าวหน้าผ่านสภา โดยสร้างการมีส่วนร่วม และผลักดันกับภาคประชาชน
2.เปลี่ยนความคิด โดยอาศัยกลไกและเวทีสภาในการรณรงค์ และสื่อสารสาระสำคัญของกฎหมายกับประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจและคลายข้อกังวลของผู้เห็นต่าง
3.การเปลี่ยนวัฒนธรรมการเมือง โดยทำให้เห็นถึงประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ จากการมีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับงานสภา ขับเคลื่อนนโยบาย และการให้ความร่วมมือกับกลไกตรวจสอบถ่วงดุล
จะเห็นว่านายณัฐวุฒิเสนอในเชิงแนวคิด ส่วนนายพริษฐ์เสนอในทางปฏิบัติ
ซึ่งหากสอดประสานกันได้จะไปได้ไกลมากทั้งการคิดและปฏิบัติ
แต่น่าเสียดายในตอนนี้ดูจะแผ่วเบา
เมื่อเทียบกับความอึกทึกครึกโครมของแรงกระหน่ำแห่งความขัดแย้งแตกแยก
ทำให้สถานการณ์ของก้าวไกลในฐานะพรรคหลัก
อยู่ในภาวะ “ใกล้ตา แต่ไกลตีน” ยิ่งขึ้นทุกที
เลยเสนอแบบ “สนุกนึก”
ก้าวไกลอาจต้องนำ “เดินทัพทางไกล” ของ เหมา เจ๋อ ตุง ที่เจียนอยู่เจียนตาย แต่ที่สุดก็ไปถึงฝัน มาศึกษา
นอกจากย้อนแย้งให้ฝ่ายต้านงงเป็น “สมุนมะกันแต่เปิดกว้างให้จีน” แล้ว
ยังปลุกปลอบตนเอง ให้พอได้ครึ้มๆ ใจ– ฝันให้ไกล ไปให้ถึง
สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร