เดินหน้าชน : ก.ก.+พท.-ไม่ยอมแพ้

เดินหน้าชน : ก.ก.+พท.-ไม่ยอมแพ้ การขัดขวางโดยสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)

การขัดขวางโดยสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไม่โหวตให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี
ด้วยการประกาศไม่เห็นชอบ-งดออกเสียง และหายตัวไม่มาปรากฏให้เห็นในห้องประชุม
มีค่าเท่ากันคือ ไม่เห็นชอบนั่นเอง!
การลงมติวันที่ 13 กรกฎาคม มี ส.ว.โหวต “เห็นชอบ” พิธาแค่เพียง 13 คน
นับว่าจิ๊บจ๊อยน้อยมาก!
สภาวะชะงักงันในการหานายกฯคนใหม่เพื่อมาแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดขึ้นทันที
เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่พิธาประกาศหลังพ่ายกลเกม ส.ว.ที่ผนึกกำลังกันต่อต้านว่า “ยอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้…เราจะใช้เวลาในการหายุทธศาสตร์ในการรวบรวมเสียงต่อไป”

ตลอด 3 วันที่ผ่านมา และจากนี้ไปจนถึงวันที่ 19 กรกฎาคม จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อเปิดโอกาสให้เสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯอีกครั้ง
ส.ส.จาก 8 พรรคการเมืองที่ผนึกกำลังกันสนับสนุนพิธา ได้เห็นปฏิกิริยาจากฝ่ายต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “มวลชน” ที่เลือก ส.ส.พรรคก้าวไกลได้รวมตัวกันชุมนุมในจังหวัดต่างๆ คนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อต่างๆ
วุฒิสภา กลไกของรัฐธรรมนูญ 2560 ผู้สร้างปัญหาทางการเมืองให้เกิดวิกฤต จึงตกเป็นเป้าให้สังคมรุมประณามด่าทอ จากทุกสารทิศ
รวมทั้งครอบครัวญาติพี่น้องก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
เนื่องจากขัดขวางการเป็นนายกฯของพิธา สวนทางกับฉันทามติของประชาชน

เมื่อ ส.ส.ส่วนใหญ่ จาก 8 พรรค รวม 312 เสียง สู้เสียง ส.ว.ไม่ได้ ก็ไม่ควรจะเดินตาม “เกม” ของฝ่ายขั้วอำนาจเดิม
นั่นก็คือ “ยอม” และ “ทน” ที่จะปล่อยให้สภาพการเลือกนายกฯ “ค้างเติ่ง” ไว้เช่นนี้!
แล้วนั่งดูการ “สาปแช่ง” ของประชาชนที่มีต่อ ส.ว.ผ่านสื่อต่างๆ
หาก ส.ว.จะโหวตให้ขั้วรัฐบาลรักษาการ 188 เสียงก็เชิญตามสบาย
แต่อยากรู้ว่า การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะบริหารราชการแผ่นดินไปได้สักกี่น้ำ
จะจัดการประเทศและดูแลประชาชนอย่างไร?
เชื่อเถอะ รัฐบาลเสียงข้างน้อยแค่เดือนเดียวก็พังแล้ว!

อีก 10 เดือนนับจากนี้ วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ส.ว.ก็จะครบเทอม 5 ปี หมดเวลาตอบแทนบุญคุณคนแต่งตั้ง พ้นจากตำแหน่ง
เวลาอยู่ข้างเดียวกับ 8 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย 312 เสียง ที่เพิ่งผ่านพ้นการเลือกตั้งมาไม่นานด้วยคะแนน 27 ล้านเสียง
แล้วเรื่องอะไรจะต้องไปสะทกสะท้าน-หวั่นเกรงหรือหวาดกลัวกับการเล่นเกมที่ขาดความชอบธรรมของฝ่ายตรงข้ามอย่างวุฒิสภาด้วยเล่า?
ถ้าพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล 292 เสียงจับมือกันแน่น กอดคอเคียงบ่า-เคียงไหล่ไปด้วยกันเหมือนดังที่ผู้นำพรรคแถลงข่าว ทำเอ็มโอยู ลงนามกันต่อหน้าสื่อและประชาชน
ฝ่ายที่ไม่ปรารถนาดีโดยเฉพาะ ส.ว.ก็ไม่มีน้ำยามาทำอะไรได้
เว้นเสียแต่ว่า 2 พรรคนี้ “แตกคอ” กันเสียก่อนเพราะทนเย้ายวนกับ “อำนาจ” ไม่ได้

Advertisement

ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแต่สร้างความผิดหวังให้กับประชาชน
แต่การสร้างสรรค์ประชาธิปไตย การตรวจสอบสิ่งบกพร่อง-ผิดพลาดที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทำไว้ก็จะล้มเหลว
การ “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” คือหนทางที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลควรยึดถือในยามนี้
นี่คือการ “รุก” ทางยุทธศาสตร์ของพรรคฝ่ายประชาธิปไตย 8 พรรคที่จะตอบโต้ขบวนการขัดขวางพิธา
เมื่อพิธาไม่ยอมแพ้ และเพื่อนไม่ “ทรยศ” ชัยชนะจะมาถึงเองในเร็ววัน!?!

เทวินทร์ นาคปานเสือ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image