สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พรรคประชาชนกัมพูชา หรือซีพีพี พรรครัฐบาลของสมเด็จฯฮุน เซน ได้ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม แบบแลนด์สไลด์ แต่นักวิจารณ์หลายคนมองว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นเรื่องหลอกลวงเพื่อหวังที่จะสืบทอดอำนาจในการปกครองประเทศต่อให้กับ พล.อ.ฮุน มาเนต บุตรชายคนโตของสมเด็จฯฮุน เซน
สำนักข่าวดังกล่าวยังรายงานต่อไปว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคซีพีพีไม่ได้เผชิญกับการแข่งขันจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่สำคัญเลย หลังมีการปราบปรามขั้วตรงข้ามทางการเมืองมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยพรรคแสงเทียนซึ่งเป็นผู้ท้าชิงสำคัญของพรรคซีพีพีถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติของกัมพูชาตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยอ้างเหตุผลว่าทางพรรคยื่นเอกสารไม่ครบ
ผลการเลือกตั้งแม้ดูเหมือนว่าประเทศกัมพูชาจะควบคุมสถานการณ์ได้ แต่สถานการณ์ภายนอกประเทศกลับเคลื่อนไหวแบบโจ่งแจ้ง โดยสหรัฐอเมริกาแพร่ข่าวว่ากำลังระงับโครงการความช่วยเหลือบางโครงการในกัมพูชา รวมถึงการแบนวีซ่าบุคคลที่ถูกมองว่าบ่อนทำลายประชาธิปไตย ซึ่ง แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์ว่า ก่อนการเลือกตั้ง ทางการกัมพูชาดำเนินการในรูปแบบคุกคามฝ่ายค้านทางการเมือง สื่อ และภาคประชาสังคม บ่อนทำลายเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และเพื่อเป็นการตอบโต้ สหรัฐจะกำหนดข้อจำกัดด้านวีซ่า และเรียกร้องให้กัมพูชาฟื้นฟูประชาธิปไตยแบบหลายพรรคการเมืองอย่างแท้จริง
การเลือกตั้งในประเทศกัมพูชาเป็นตัวอย่างเชิงประจักษ์ว่าทั่วโลกสนใจการเลือกตั้งของประเทศต่างๆ และการกระทำที่เอาเปรียบคู่แข่งในการเลือกตั้งจนเกินไปอาจจะมีบางชาติเข้ามาแสดงความคิดเห็นและประกาศตอบโต้ ดังนั้น หากไม่อยากให้มหาอำนาจเข้ามาแทรกแซง ทุกพรรคในประเทศรวมทั้งกลไกต่างๆ ควรจะหาข้อยุติความขัดแย้งในเรื่องการตั้งรัฐบาลกันเอง และทุกความขัดแย้ง ควรจะยืนอยู่บนจุดของความถูกต้อง มิเช่นนั้นบางการกระทำอาจกลายเป็นเงื่อนไขที่จะใช้ตอบโต้ไทยเฉกเช่นเดียวกับกัมพูชากำลังเผชิญหน้า ซึ่งจะมีผลให้ประชาชนเดือดร้อน
