ขณะนี้ปัจจัยการเมืองกลายเป็นปัจจัยสำคัญของประเทศ การเติบโตทางเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพราะคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในช่วงรักษาการไม่มีอำนาจเต็มที่ จึงทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการปัญหาต่างๆ ได้ถนัด ขณะเดียวกัน บรรดาข้าราชการก็ลังเลในนโยบาย เพราะขณะที่รัฐบาลรักษาการกำลังหมดอำนาจ และรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา หากข้าราชการทำอะไรที่ไม่เป็นที่พอใจของรัฐบาลชุดที่กำลังจะเข้ามา ย่อมส่งผลเสียต่ออนาคต ทุกอย่างจึงอยู่ในห้วงเวลาที่เรียกกันว่าสุญญากาศ
นอกจากการพัฒนาเศรษฐกิจแล้ว ยังมีปัญหาสังคมที่การเมืองที่ไม่มีอำนาจเต็มไม่สามารถแก้ไขคลี่คลายปัญหาได้ ทั้งเหตุจากกลไกรัฐไม่ทำงานเต็มกำลัง และจากงบประมาณสนับสนุน ซึ่งจำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มลงมาดำเนินการ จึงไม่แปลกที่เสียงร้องจากภาคเอกชนส่งสำเนียงออกมาในทิศทางเดียวกัน คือ อยากให้ตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาโดยเร็ว และกลายเป็นภารกิจของพรรคการเมืองผู้ทำหน้าที่จัดตั้งรัฐบาลที่ต้องเร่งดำเนินการให้สำเร็จลุล่วง
การจัดตั้งรัฐบาลแม้จำเป็นต้องทำให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด แต่ในการรวบรวมพลพรรคเพื่อตั้งรัฐบาลและเข้าบริหารประเทศก็จำเป็นต้องมองถึงคุณภาพของผู้ที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี และผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งกุมนโยบายบริหารประเทศต่อไปอีก 4 ปีด้วย แม้ว่าขณะนี้จะมีกระแสเสียงบ่งบอกว่า ถ้าได้รัฐบาลช้ากว่ากำหนดเดิมคือเดือนสิงหาคม จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของประเทศมากมาย แต่ถ้าได้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ เท่ากับว่า คนไทยและประเทศชาติจะเสียเวลาไปอีก 4 ปี
แม้การตั้งรัฐบาลได้เร็วจะสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การได้รัฐบาลที่สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าไปในทุกด้าน การเล่นพรรคเล่นพวกจนได้ผู้นำที่มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ หรือได้คณะรัฐมนตรีที่มีความสามารถไม่เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองที่ต้องแข่งกับโลก เท่ากับเป็นการทำร้ายประชาชน จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับอนาคตประเทศ ได้พิจารณานายกฯ และคณะรัฐมนตรีด้วยความรอบคอบ โปรดเห็นแก่ประโยชน์ของคนส่วนใหญ่มากกว่าประโยชน์ของตัวเอง
