ผู้เขียน | สมหมาย ปาริจฉัตต์ |
---|
บุญคุณต้องทดแทน
หลังเดินสายรวบรวมเสียงพรรคการเมืองต่างๆ จนได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร 250 เสียง คุณแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมแกนนำเดินทางไปพบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมรองหัวหน้าและเลขาธิการพรรค กลับออกมาบอกว่าไม่ได้ไปขอให้พรรคก้าวไกลยกมือรับรองคุณเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ในการประชุมรัฐสภาที่จะเกิดขึ้นวันที่ 22 สิงหาคมนี้
แต่ไปพูดคุยถึงสถานการณ์การเมืองของประเทศซึ่งเปลี่ยนแปลงตลอดจำเป็นต้องมีรัฐบาลบริหารประเทศโดยเร็ว จึงมีแนวทางที่จะต้องสลายขั้วการเมืองที่เป็นอยู่ขณะนี้
ต่อมามีข่าวปล่อยออกมาภายหลังว่า เป็นการไปแจ้งให้พรรคก้าวไกลได้ทราบว่าเพื่อไทยจำเป็นที่จะต้องดึงพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาล
ปรากฏว่าไม่มีคำตอบใดๆ จากพรรคก้าวไกล ไม่ว่าเรื่องการยกมือรับรองนายเศรษฐา หรือการดึงพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาลก็ตาม
นอกจากเสียงยืนยันจากแกนนำพรรคก้าวไกลที่ว่า ขอฟังเสียงประชาชนผู้ลงคะแนนเลือกพรรคก้าวไกลก่อน จะมีท่าทีอย่างไร
แทงกั๊ก ไม่รับปากใดๆ ว่างั้นเถอะ
เลยเป็นเหตุให้เกิดคำคมหลุดออกมาจากไหนไม่มีใครยืนยัน ว่า “บุญคุณต้องทดแทนหรือแค้นต้องชำระ” ให้พรรคก้าวไกลเก็บไปคิด ควรกำหนดจุดยืนอย่างไรในการโหวตรับรองนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
ขณะที่การเดินหน้าหาเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยดำเนินไปตามลำดับ ด้วยความคึกคักมั่นใจว่าเสียง ส.ส.และ ส.ว. จะให้การรับรองนายเศรษฐาเกิน 375 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาแน่นอน
แต่ไม่ทันไร เริ่มมีข่าวออกมาจากแนวร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยว่า ต่างตั้งแง่ให้พรรคเพื่อไทยเคลียร์เก้าอี้รัฐมนตรีให้ลงตัวเสียก่อน พรรคไหนได้กี่ที่นั่งและกระทรวงไหนบ้าง ไม่เช่นนั้นวันโหวตอาจจะมีปัญหา
สถานการณ์ความไม่แน่นอนเริ่มปรากฏจากอิทธิฤทธิ์การต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล ชุดใหม่
นอกจากพรรคก้าวไกล 149 เสียงยังไม่ยอมยืนยันให้คำตอบจะโหวตรับรองนายเศรษฐาอย่างแน่นอน
พรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร
ผลการประชุมรัฐสภาในวันโหวตรับรองนายกรัฐมนตรีครั้งใหม่จะออกมาอย่างไร ยังไม่มีใครรับประกันได้ทั้งสิ้น
ท่าทีของพรรคก้าวไกลควรเป็นอย่างไร จึงเป็นประเด็นที่น่าคิดวิเคราะห์อย่างยิ่ง
แน่นอนการยืนยันในคำประกาศ มีลุงไม่มีเรา เป็นสิ่งที่ต้องยืนหยัด ไม่ร่วมกับพรรคสืบทอดอำนาจ
แต่ประเด็นการปิดสวิตช์ ส.ว. และประเทศต้องมีรัฐบาลโดยเร็ว ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเดินหน้าให้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ก้าวไกล แทนที่จะแข็งกร้าว ดึงดันไม่ยอมรับโครงสร้างรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ดึงเอาพรรคสองลุงเข้าร่วม แต่ควรยอมงอไม่ยอมหักและประนีประนอมให้มากขึ้น
ยกมือสนับสนุนนายเศรษฐา แล้วประกาศตัวออกมาเป็นฝ่ายค้านทันทีหลังจากปิดสวิตช์ ส.ว.สำเร็จ
ถ้าก้าวไกลยอมหักไม่ยอมงอ ไม่ยกมือสนับสนุนนายเศรษฐา หากพรรคเพื่อไทยครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ ฝ่ายที่เสียมากกว่าก็คือพรรคก้าวไกล ที่เลือกแนวทาง แค้นต้องชำระมาก่อน บุญคุณต้องทดแทน
เพราะเมื่อคราวโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งแรกพรรคก้าวไกลเสนอชื่อนายพิธา พรรคเพื่อไทยกับแนวร่วม 8 พรรคยกมือสนับสนุนเต็มที่
การเลือกแนวทางบุญคุณต้องทดแทนต่างหาก จะเป็นผลดีกับพรรคก้าวไกลและสถานการณ์โดยรวม ได้มากกว่าเสียอย่างแน่นอน
ประการแรกได้ปิดสวิตช์ ส.ว.สำเร็จ ตามจุดมุ่งหมายที่ประกาศมาตั้งแต่ต้น ประชุมครั้งใหม่ ส.ว.จะยกมือรับรองนายเศรษฐาเท่าไรไม่สำคัญ
ก้าวไกลได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าที่ยกมือรับรองนายเศรษฐา เพราะต้องการยืนหยัดหลักการปิดสวิตช์ ส.ว.
ประการที่สอง ได้ตอบแทนพรรคเพื่อไทยที่ให้การสนับสนุนนายพิธามาตั้งแต่แรก
ประการที่สาม องค์ประกอบพรรคร่วมรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทยจะมีพรรคใดมาร่วมบ้าง ในนามการสลายขั้วหรือรัฐบาลพิเศษก็ตามเป็นความรับผิดชอบของพรรคเพื่อไทย
ความเสื่อมศรัทธาถ้าจะเกิดขึ้นก็เกิดกับพรรคเพื่อไทย ก้าวไกลไม่จำเป็นต้องเอามาแบก
ยิ่งรัฐบาลมีพรรคอะไหล่มาร่วมมากเท่าไหร่ การบริหารจัดการผลประโยชน์ให้ลงตัว ยิ่งหนักเหนื่อยมากเท่านั้น
ต่อเมื่อแยกวงกันแล้ว ต่อไปต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ก้าวไกลก็เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพไม่น้อยไปกว่า 4 ปีที่ผ่านมา
ปีหน้า พฤษภาคม 2567 วุฒิสมาชิกหมดอำนาจโหวตรับรองนายกรัฐมนตรีแล้ว สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป การกำหนดท่าทีที่ถูกต้องจะเกิดผลดีในระยะยาว การเลือกตั้งครั้งใหม่อย่างแน่นอน
ประการที่สี่ ก้าวไกลสร้างประวัติศาสตร์การเมืองใหม่ ยกมือรับรองหัวหน้ารัฐบาล แต่ตัวเองเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
แต่เพราะความอัปลักษณ์ของรัฐธรรมนูญบางมาตรา จึงจำเป็นต้องเลือกหนทางปิดฉากฝ่ายอนุรักษนิยมสืบทอดอำนาจให้สำเร็จก่อนอื่นใด