มีเอกสารระบุว่าเป็นนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 11 กันยายน ซึ่งเป็นร่างที่เกือบเสร็จสมบูรณ์ แต่สามารถสะท้อนให้เห็นเจตนาของรัฐบาลที่จะดำเนินการใน 4 ปีที่เข้าบริหารราชการแผ่นดิน โดยกำหนดกรอบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยกรอบระยะสั้น รัฐบาลจะต้องกระตุ้นการใช้จ่าย เร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชนอย่างเร่งด่วน และรวดเร็ว ส่วนระยะกลาง และระยะยาว รัฐบาลจะเสริมขีดความสามารถให้กับประชาชน ผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่ายสร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้กับประชาชนทุกคน
ในเอกสารฉบับดังกล่าวระบุถึงนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงเอาไว้ เช่น การแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งคาดหวังจะให้เป็นตัวจุดชนวนกระตุกเศรษฐกิจประเทศ ตามด้วยการแก้ปัญหาหนี้สินทั้งภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชน และผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวนอกจากนี้ในส่วนของนโยบายเร่งด่วน รัฐบาลยังระบุถึงรัฐธรรมนูญว่าเป็นนโยบายที่ต้องการแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เพื่อให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่แก้ในหมวดพระมหากษัตริย์ ส่วนนโยบายอื่นๆ นั้นได้จำแนกไปอีกหลายประเด็น ที่น่าสนใจคือนโยบายด้านการศึกษาที่ฟื้นการส่งเสริมการอ่านกลับมาอีกครั้ง
นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลร่างขึ้น ต้องเข้าไปฟังความเห็นจาก ส.ส.และ ส.ว.ในวันที่ 11 กันยายนอีกครั้ง แม้เบื้องต้นจะกำหนดวันแถลงนโยบายแค่ 1 วัน แต่ในที่สุดวิปตกลงจะให้อภิปราย 2 วัน การเปิดโอกาสให้ ส.ส.และ ส.ว.ได้แสดงความคิดเห็นในนโยบายต่างๆ มากที่สุด โดยเพิ่มเวลาการอภิปรายให้ถือว่าน่าสนใจ เพราะทางหนึ่งรัฐบาลจะได้มีเวลาอธิบายเป้าหมาย แนวทางและความคิดที่จะฟื้นฟูประเทศในมิติต่างๆ อีกทางหนึ่งรัฐบาลจะได้ผู้ช่วยคิดที่จะหยิบยกนโยบายขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ สมาชิกรัฐสภาเป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ มีประสบการณ์ร่วม และได้รับฟังความคิดเห็นเรื่องต่างๆ ที่แตกต่างกันไป หากรัฐบาลมีโอกาสได้รับฟังความคิดเห็น เหตุผล และข้อเสนอแนะสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งที่เป็นประโยชน์มาเพิ่มเติมหรือปรับแก้ในช่วงการปฏิบัติงานตามนโยบายต่างๆ ได้ ถือเป็นการกลั่นกรองด้วยความรอบคอบ โดยประชาชนจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด
