เดินหน้าชน : ข่าวดี‘รถน้ำมัน’

เดินหน้าชน : ข่าวดี‘รถน้ำมัน’ ในงานสัมมนา “ถอดรหัสลงทุน ก้าวข้ามวิกฤต”

ในงานสัมมนา “ถอดรหัสลงทุน ก้าวข้ามวิกฤต” จัดโดยประชาชาติธุรกิจ เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ตอนหนึ่ง นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ทอล์กพิเศษ “Next Chapter ประเทศไทย” กล่าวถึงการยังคงอยู่ของรถยนต์สันดาปหรือใช้น้ำมันในระบบอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยต่อไปท่ามกลางการเติบโตของการใช้รถอีวีในเมืองไทยเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

นายกฯบอกว่า ญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกระดมเม็ดเงินเข้ามาลงทุนสูงที่สุดในประเทศไทย มีความกังวลเรื่องของรถอีวี อาจเสียเปรียบในแง่ธุรกิจ ญี่ปุ่นอาจจะช้าไปสำหรับเรื่องอีวี จึงไม่ควรลืมพระคุณทั้งรัฐบาลและเอกชนของญี่ปุ่นที่ช่วยเหลือไทยมาตลอด ช่วงหลาย สิบปี ประเทศไทยเคยเป็นดีทรอยต์ออฟเอเชีย มีโรงงานประกอบรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเยอะมาก ถึงแม้วันนี้ประเทศไทยจะสนับสนุนด้านอีวี ต้องสนับสนุนเครื่องยนต์สันดาปต่อไปด้วย

หากนำเอาแผนพลังงานแห่งชาติสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากาง ได้กำหนดไว้ว่า ภายในปี 2573 ต้องมีการใช้รถอีวีเพิ่มมากกว่า 50% หรือครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ใช้รถในประเทศ และอีก 10 ปีจากนั้น หรือในปี 2583 ประเทศไทยจะมียานยนต์ที่ไม่ใช้น้ำมันได้ 100% ในกลุ่มรถใหม่ ช่วยให้ไทยลดการใช้พลังงานน้ำมัน และส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

เมื่อนายกฯปัจจุบันมีแนวคิดใหม่ แผนดังกล่าวอาจต้องปรับปรุงแก้ไขเรื่องเป้าหมายออกไป ได้กล่าวในงานประชาชาติธุรกิจอีกว่า การมาดูแลธุรกิจเดิมๆ ยังต้องดำเนินต่อไป รถที่เครื่องยนต์สันดาปยังต้องมีต่อไปอีก 10-15 ปี ทำอย่างไรให้ภาคอุตสาหกรรมนี้อยู่ต่อไปได้ เดือนธันวาคมนี้จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อชักชวนมาลงทุนต่อ

Advertisement

ทั้งยังบอกว่า “ซัพพลายเชนรถยนต์สันดาปเยอะมากในประเทศไทย อยู่ดีๆ หายไป คนไทยที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์จะเดือดร้อน รัฐบาลคำนึงถึงเรื่องนี้และจะมีการหารือกับสมาคมยานยนต์ เพื่อทำอย่างไรให้ไทยเป็นศูนย์กลางของช่วงสุดท้ายของการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จะมีการให้สิทธิประโยชน์บางประการเพื่อส่งเสริมการผลิตให้เข้ามาในประเทศไทยเพื่อส่งออก ทำให้ซัพพลายเชนรถสันดาปมีอนาคตยาวต่อไปได้อีก และมีช่วงเวลาปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ถือเป็นเรื่องสำคัญ”

บรรดาค่ายรถยนต์สันดาปได้ยินอย่างนี้ ใจชื้นขึ้นเป็นกองทำให้ถนนทุกสายของค่ายรถสันดาปมุ่งมาสู่ประเทศไทยนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ที่สำคัญ การที่จัดให้มีที่ยืนของรถสันดาปทั้งระบบ เพราะรัฐบาลก็ไม่ต้องการทุบหม้อข้าวเศรษฐกิจในประเทศไปทันที เนื่องจากธุรกิจการค้าของคนไทยที่เกี่ยวข้องกับรถใช้น้ำมันมีมากมายทั่วประเทศ ตั้งแต่อู่ซ่อมรถยนต์ เคาะพ่นสี ช่างรถ ไปจนถึงร้านตึกแถวและระบบจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มเกี่ยวข้องกับอะไหล่รถสันดาปทั้งใหม่และของมือสอง ไปจนถึงแหล่งเชียงกง และค่ายรถใหญ่ที่ยังคงพัฒนาผลิตรถยนต์สันดาปออกมามุ่งเน้นการออกแบบเครื่องยนต์ประหยัดน้ำมัน ยังคงเป็นทางเลือกของผู้บริโภค ทั้งหมดจึงต้องใช้เวลาปรับตัวรับมือกับรถอีวีที่จะเหลือเพียงหนึ่งเดียวในอนาคตต่อไป

Advertisement

ส่วน นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รับแนวคิดของนายกฯ ไปปฏิบัติ จัดคิวนัดหารือกับผู้บริหารค่ายรถยนต์ทั้งอีวี สันดาป และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ หาข้อสรุปในด้านการส่งเสริมการลงทุน เป็นเป้าหมายที่ต้องการดึงดูดการลงทุนของค่ายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปในประเทศไทย ให้เป็นแห่งท้ายๆ ของโลก เพื่อช่วยค่ายรถยนต์ที่ยังปรับตัวไม่ทันในการปรับเปลี่ยนไปยังรถยนต์อีวีในอนาคตยังคงลงทุนประกอบกิจการได้ต่อไป

สำหรับเดือนตุลาคมนี้ นายกฯจะบินไปจีน แหล่งผลิตรถอีวีรายใหญ่ของโลก และเดือนธันวาคมบินไปญี่ปุ่น แหล่งรถสันดาปรายใหญ่ของโลกเช่นกัน ทั้งสองชาติที่จะเดินทางไป คงพูดคุยเรื่องนี้อย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง เมื่อยังคงสนับสนุนรถยนต์ทั้ง 2 ระบบต่อไป ประเทศไทยเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ทั้งสิ้น

เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image