ปูมประวัติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ที่ยืดเยื้อยาวนาน เดี๋ยวสงบ เดี๋ยวก่อการร้าย ลงเอยกลายเป็นสงครามรุนแรงล่าสุด ทั้งกระทบต่อชีวิตแรงงานไทยที่ไปทำงานอิสราเอลถึง 3 หมื่นคน มีบาดเจ็บล้มตาย กลายเป็นตัวประกัน และต้องการอพยพกลับบ้านอีกจำนวนมาก
ตอนนี้ต้องรอดูรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ว่าจะเร่งนำคนไทยกลับบ้านได้รวดเร็วเพียงใด
รวมทั้งหวังว่าฝีมือในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของเศรษฐา จะทำให้เกิดการลงทุน เกิดการค้าขายข้ามชาติ จนเกิดงานที่รองรับแรงงานไทย เพื่อไม่ต้องไปค้าแรงต่างแดนให้สุ่มเสี่ยงต้องห่างบ้านห่างครอบครัวอีกต่อไป
เพราะเชื่อว่าสงครามอิสราเอลกับกองกำลังปาเลสไตน์ จะไม่สิ้นสุดเพียงแค่สงครามนี้
เห็นได้ชัดๆ ว่า ฝ่ายกองกำลังของปาเลสไตน์ มีการก่อตัวมาหลายกลุ่มหลายขบวนการ สืบทอดกันไม่สิ้นสุด
เคยมีองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ พอเริ่มโรยรา ก็มีขบวนการใหม่ๆ มาจนถึงฮามาสในปัจจุบัน
แต่ถ้าเอ่ยถึงกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ที่โด่งดังในอดีต คนไทยจำชื่อได้ เพราะเคยเข้ามาปฏิบัติการในกรุงเทพฯด้วย นั่นคือ แบล๊กเซปเทมเบอร์ หรือกลุ่มกันยายนทมิฬ
แบล๊กเซปเทมเบอร์ เคยก่อปฏิบัติการเขย่าโลก ในกีฬาโอลิมปิก ที่มิวนิก เมื่อปี 2515 โดยบุกเข้าไปในหมู่บ้านนักกีฬา จับนักกีฬาอิสราเอลเป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองให้ปล่อยนักโทษปาเลสไตน์ที่ถูกรัฐบาลอิสราเอลจับกุมคุมขัง
ลงเอยหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเยอรมันบุกจู่โจมเพื่อชิงตัวประกัน แต่ผู้ก่อการร้ายตัดสินใจสังหารตัวประกันทั้งหมดเสียก่อน สุดท้ายกลุ่มกันยายนทมิฬ ถูกจับตายจำนวนหนึ่ง จับเป็นจำนวนหนึ่ง
ในปีเดียวกันนั้นเอง แบล๊กเซปเทมเบอร์โผล่เข้ามาก่อเหตุในกรุงเทพฯ โดยลักลอบเข้าไปในงานเลี้ยงสถานทูตอิสราเอล จับทูตและเจ้าหน้าที่ทูตเป็นตัวประกัน ต่อรองให้ปล่อยนักโทษในเรือนจำที่อิสราเอล
แต่ด้วยฝีมือเจรจาของ พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ และ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ทำให้ยุติลงด้วยดี โดยกลุ่มแบล๊กเซปเทมเบอร์ยอมปล่อยตัวประกัน แลกกับการเดินทางไปยังอียิปต์
ปฏิบัติการของกันยายนทมิฬ จึงไม่มีเสียเลือดเนื้อในไทย
ขณะที่เหตุการณ์ในมิวนิกนอกจากนองเลือดแล้ว หลังจากนั้นรัฐบาลอิสราเอลและหน่วยมอสสาด ยังจัดทีมออกตามล่า ผู้นำปาเลสไตน์ที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการนี้อีกหลายราย
ปฏิบัติการของอิสราเอลดังกล่าว มีการนำมาสร้างเป็นหนังโด่งดังชื่อมิวนิก โดย สตีเวน สปีลเบิร์ก
ให้เห็นขั้นตอนการทำงานของหน่วยลับอิสราเอล การตามล้างตามล่า แต่ยิ่งฆ่าก็ยิ่งทำให้ทีมปฏิบัติการของอิสราเอลเริ่มกดดันเริ่มขัดแย้งในใจเริ่มเครียดและหวาดผวา จนไม่กล้านอนบนเตียง เพราะไปลอบวางระเบิดฆ่าฝ่ายปาเลสไตน์ถึงห้องนอน ซุกระเบิดใต้เตียง ลูกเมียตายไปด้วย
จนเกิดบทสนทนาระหว่างทีมปฏิบัติการกับหัวหน้าโครงการล่าสังหารนี้ โดยมีคำถามว่า ฆ่าไปแล้ว ฝ่ายผู้ก่อการร้ายก็มีคนใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทน ไม่มีวันจบสิ้น
คำตอบจากหัวหน้าคือ เหมือนการตัดเล็บ ตัดไปแล้วก็งอกขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ตัดได้หรือไม่
เป็นบทสนทนาที่เมื่อเห็นสงครามฮามาสกับอิสราเอลในวันนี้ ก็ชัดเจนว่าไม่มีวันจบสิ้นจริงๆ
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน