คนจีนสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ‘ครอบครัวเดียวกัน’

ความฝันทางการเมืองของคนรุ่นหนุ่ม ดูประหนึ่งเป็นเสียงสะท้อนที่เรียกร้องให้หนุ่มสาวมองข้ามนโยบายของ “กั๋วหมินตั่ง” (ก๊กหมิ่งตั๋ง=國民黨) และ “หมินจิ้งตั่ง” (พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า= 民進黨) ทั้งนี้ โดยยึดมั่นวลี “สองฝั่งช่องแคบครอบครัวเดียวกัน” ของเค่อ เหวินเจ๋อ “หมินจ้งตั่ง” (พรรคประชาชน= 民眾黨) ทว่า ตรรกะแห่งอำนาจของโลก เสมือนเป็นการย้อนแย้งกับสถานการณ์และอาจเป็นการดับฝันของคนรุ่นใหม่

อัน “กั๋วหมินตั่ง” เป็นพรรคที่ยึดนโยบายจีนเดียว “หมินจิ้งตั่ง” คือพรรคที่ต้องการให้ไต้หวันเป็น “เอกราช” ส่วน “หมินจ้งตั่ง” เป็นพรรคที่วางตัวเป็นกลาง เรียกร้องสันติภาพ หลีกเลี่ยงการทำสงคราม และถือเป็นความหวังใหม่ในการรังสรรค์สันติภาพแก่ช่องแคบไต้หวัน

ก็เพราะนโยบาย “คนจีนสองฝั่งช่องแคบคือครอบครัวเดียวกัน” “หมินจ้งตั่ง” จึงแจ้งเกิดอย่างกะทันหัน โดยมาเป็นอันดับที่ 3 รองจาก “หมินจิ้งตั่ง” และ “กั๋วหมินตั่ง” ทั้งนี้ โดยได้คะแนน 3.69 ล้านเสียง กรณีเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า เสียงเรียกร้องของคนรุ่นหนุ่มจำนวนไม่น้อย ต้องการมองข้ามสองพรรคข้างต้น เพื่อถวิลหาเส้นทางใหม่ของตน และเป็นการเปิดเวทีสนทนาระหว่างสองฝั่งช่องแคบอีกโสตหนึ่ง

“เค่อ เหวินเจ๋อ” แห่งหมินจ้งตั่งมองต่างมุมกับกรณี “รวมจีนและเอกราชไต้หวัน” จึงได้ชูประเด็น “สองฝั่งช่องแคบครอบครัวเดียวกัน” เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกัน

Advertisement

บรรดาผู้สมัครของสามพรรคใหญ่ จีนและสหรัฐเชื่อถือ “เค่อ เหวินเจ๋อ” มากที่สุด เพราะไม่เคยถวิลหาเอกราชไต้หวัน ยินดีธำรงไว้ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน คงไว้ซึ่งยุทธศาสตร์อันคลุมเครือแห่งช่องแคบไต้หวันต่อไป

ในกาลอดีต เขาเคยเสนอให้เปิด “ฟอรั่มสองฝั่งช่องแคบ” ได้รับการตอบรับจากปักกิ่งเต็มร้อย แต่ด้วยเหตุผลทางการเมือง แนวคิดดังกล่าวได้เงียบหายไปแบบ “มิดอิ่มซิ่ม” อย่างภาษาอีสานบ้านเรา

ความฝันของ “ไล่ ชิงเต๋อ” ประธานาธิบดีป้ายแดงในประเด็น “เอกราช” คงเป็นเรื่องเปลืองแรง เหตุผลคือ

Advertisement

1 เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย

1 “เอกราชไต้หวัน” เป็นพฤติการณ์ที่เหยียบเส้นแดงของจีนแผ่นดินใหญ่

1 พลันที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้น สหรัฐยืนยันไม่สนับสนุนไต้หวันให้เป็น “เอกราช”

1 ผลจากการเลือกตั้ง มิได้รับอาณัติเพียงพอจากประชาชน (Mandate)

1 ไล่ ชิงเต๋อจะต้องประสบกับการต่อต้านจาก “กั๋วหมินตั่ง” และ “หมินจ้งตั่ง”

ที่สำคัญคือ ต้องเผชิญกับการท้าทายอย่างเข้มข้นต่อบัตรลงคะแนนรุ่นหนุ่มถึง 3 ล้านกว่าเสียง คือเสียงสวรรค์ ซึ่งเป็นเสียงของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้สองฝั่งช่องแคบเกิดการสู้รบ จนพวกเขาต้องกลายเป็นผู้รับบาป ในทำนองเดียวกันก็ไม่ต้องการให้ใช้อาวุธทำการรวมจีน อันอาจเป็นเหตุให้ช่องแคบต้องกลายเป็นสนามรบ เมื่อนั้นพวกเขาก็ต้องถูกเกณฑ์ไปร่วมทำสงคราม

ในไต้หวัน แม้นักเรียนได้รับการล้างสมองด้วยตำรา “ไม่เอาจีน” ก็ตาม แต่พวกเขาก็มิได้มีอาการเจ็บแค้นจีนอย่างคนรุ่นเก่า หากยังมองจีนด้วยสายตาที่เป็นกลาง มีคนจำนวนมากนิยมคลิปวิดีโอ TikTok และสมุดบันทึกปกแดง และมีความตื่นตาตื่นใจกับวิถีชีวิตที่หลากหลายของจีน อีกทั้งให้ความสนใจการเล่นเกมและเว็บนิยายออนไลน์ พวกเขามีความยินดีที่จะทำการติดต่อสัมพันธ์กับฝั่งตรงข้าม และหวังอย่างยิ่งมิให้อุดมการณ์ทางการเมืองมากดดันชีวิตของพวกเขา จะได้มีโอกาสทำการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเศษเสี้ยวของวิถีชีวิต ถือเป็นการเปิดแพลตฟอร์มใหม่แห่งรูปแบบชีวิตที่แตกต่างกันระหว่างจีนไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่

บัดนี้ โอกาสแห่งวัฒนธรรมจีนและประเพณีพื้นบ้านมาถึงแล้ว กรณีเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า คนรุ่นเก่าไม่เอาจีน แต่คนรุ่นใหม่เอาจีน ชัดเจนยิ่งว่า พลังใหม่มาแรงกว่าเก่า

ต้องยอมรับว่า วัฒนธรรมจีนและประเพณีพื้นบ้านจีนชนะใจคนหนุ่มสาวไต้หวัน วิถีชีวิตของคนหนุ่มสาวก็ชนะใจปักกิ่ง ปฏิเสธมิได้ว่าพลังใหม่ของไต้หวันมาแรงมาก แรงขนาดเอาช้างทั้งป่ามาฉุดก็คงเอาไม่อยู่

ฉะนั้น การที่ไล่ ชิงเต๋อแห่งหมินจิ้งตั่งจะดำเนินการ “เอกราชไต้หวัน” โอกาสคงมีน้อยมาก หรือไม่มีเลย อย่างไรก็ตาม จีนไต้หวันจีนแผ่นดินใหญ่ก็จีนด้วยกัน มาจากบรรพบุรุษเดียวกัน เลือดทุกหยดคือเลือดจีน รักกันไว้เถิด จีนเล็กจีนใหญ่ก็คือพี่น้องกัน

เป็นความจริงที่ปฏิเสธมิได้ว่า คนรุ่นใหม่ได้ตั้งเป้าหมายแห่งชีวิตของตน ทำการเปิดเส้นทางใหม่ เริ่มต้นวิถีชีวิตใหม่ของตน ไม่ประสงค์ตกเข้าไปในวังวนเก่าคือการสู้รบทางการเมืองอีกต่อไป นี่คือเสียงสวรรค์แห่งการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงเพื่อต้องการสันติภาพ ไม่ต้องการสงคราม ต้องการความสัมพันธ์ไม่ต้องการถูกปิดล้อม ต้องการความเจริญรุ่งเรือง ไม่ต้องการความสิ้นหวัง ต้องการความร่วมมือ ไม่ต้องการความแตกแยก

ล้วนเป็นเสียงสวรรค์จากคนรุ่นใหม่ และเป็นความหวังใหม่แห่งสันติภาพ ณ ช่องแคบไต้หวัน

(หมายเหตุ “กั๋วหมินตั่ง” (國民黨) เป็นเสียงอ่านภาษาจีนกลาง ส่วน “ก๊กหมิ่นตั๋ง” เป็นเสียงอ่านภาษาแต้จิ๋วที่เพี้ยนไป ที่ถูกต้องอ่านว่า “ก๊กหมิ่งตั้ง” แต่ไม่ว่าเสียงอ่านจะเป็นแบบใด การเขียนเหมือนกันหมด อนึ่ง เสียงอ่านภาษาจีนควรยึดถือที่เรียกขานกันในสมัชชาใหญ่ สหประชาชาติเป็นหลัก คืออ่านเป็นภาษาจีนกลาง)

ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image