เสียงปืนไม่สิ้น มนุษยธรรมหาได้ไม่

เสียงปืนไม่สิ้น มนุษยธรรมหาได้ไม่

การที่เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้ออกคำสั่งให้ทหารปฏิบัติการโจมตีเมืองราฟาห์ที่อยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซ่านั้น นำมาซึ่งการวิพากษ์และเฝ้ามองจากสังคมอย่างใจจดใจจ่อ

ก็เพราะ “ราฟาห์” เป็นเมืองที่มีชาวปาเลสไตน์อพยพเข้ามาถึงกว่า 1 ล้านคน จากการจู่โจมของทหารอิสราเอลทั้งทางบก อากาศและทะเล เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ปรากฏมีคนตายกว่า 100 คน บาดเจ็บหลายร้อยคน ในจำนวนนั้นรวมทั้งสตรีและเด็กเล็ก

แม้มีหลายประเทศแจ้งเตือนให้ยุติปฏิบัติการ แต่ “เนทันยาฮู” ไม่สนใจ กลับเตรียมพร้อมจะทำการรุกรานต่อไป กอปรกับเบื้องหลังสหรัฐยังให้การสนับสนุนอิสราเอลอยู่อย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์กำลังลุกลามบานปลาย เป็นความกังวลของสังคม พฤติกรรมของสหรัฐ คือ พูดอย่างทำอย่าง หุนหันพลันแล่น น่ารังเกียจ

Advertisement

บัดนี้ ยังมองไม่เห็นว่าภัยพิบัติจะยุติเมื่อใด จึงได้แต่เฝ้าดูโศกนาฏกรรมอย่างอเนจอนาถต่อไป

ราฟาห์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกาซ่า ติดกับอียิปต์ ก่อนสงครามมีประชากรประมาณกว่า 3 แสนคน ทหารอิสราเอลพรรณนาว่าเป็น “เขตปลอดภัย” บัดนี้ มีประชากรจากทางภาคเหนือและภาคกลางเข้ามา
ลี้ภัยถึงกว่า 1 ล้านคน รวมประชากรราฟาห์ทั้งหมดเกือบ 1.5 ล้านคน ถือเป็นเมืองที่มีพลเมืองแออัดที่สุดของโลก

ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เป็นต้นมา จากปฏิบัติการของทหารอิสราเอลที่กาซา เป็นเหตุให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 2.81 หมื่นคน บาดเจ็บ 6.7 หมื่นคน

Advertisement

บัดนี้ ทหารอิสราเอลได้ทำการโจมตีภาคพื้นดิน ถือกันว่าเป็น “สถานที่หลบภัยสุดท้าย” ขนาดใหญ่ของกาซา จึงน่าเชื่อว่า วิกฤตมนุษยธรรมจะต้องยกระดับอย่างแน่นอน

ประเทศที่ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลที่ใหญ่ที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์เป็นเวลา 45 นาที โดยเน้นย้ำว่า เว้นแต่การคุ้มครองความปลอดภัยของประชากรนับล้านแล้ว ไม่ควรมีปฏิบัติการทางทหารที่ราฟาห์ และก่อนหน้านี้ ไบเดนก็ตำหนิพฤติการณ์ด้านทหารที่กาซาเป็นปฏิบัติการที่เกินกว่าเหตุ (over the top)

ทว่า ยังไม่ปรากฏรัฐบาลสหรัฐได้ลดการสนับสนุนทางการทหารอิสราเอลแต่อย่างใด ทั้งนี้ นอกจากให้งบช่วยเหลือทางทหารประจำปีๆ ละ 3.8 พันล้านดอลลาร์ และกำลังยื่นญัตติต่อสภาคองเกรสเพื่อของบเพิ่มเป็นจำนวนกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ การที่ไบเดนโทรไปปรามเนทันยาฮู จึงเป็นพฤติกรรมน่าไหว้หลังหลอก

ท่ามกลางแรงกดดันของสังคม เนทันยาฮูยืนยันว่า ถ้าทหารอิสราเอลไม่โจมตีราฟาห์บนภาคพื้นดิน ย่อมหมายถึง “แพ้สงคราม” ในขณะที่ทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ฮามาสมีค่ายทหารอยู่ 4 ค่าย ถ้าไม่ทำลายให้หมด ก็ไม่สามารถกำจัดกองกำลังฮามาส อีกประการ 1 อิสราเอลกำลังวางแผนสร้าง “ช่องทางปลอดภัย” สำหรับคนราฟาห์สันจร แต่โฆษกรัฐบาลปาเลสไตน์ชั่วคราวโต้ตอบว่า ไม่มีความหมาย เป็นการโกหกชาวโลก เพราะว่าภาคกลางและเหนือของกาซาถูกโจมตีจนราบเป็นหน้ากอง ประชาชนไม่สามารถเดินทางกลับไปได้แล้ว

เหตุผลที่ทหารอิสราเอลโจมตีกาซ่า 1 ในนั้นคือ เพื่อช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกกองกำลังฮามาสจับไปจำนวนประมาณ 200 คนเมื่อเดือนตุลาคม 2023 แต่วันนี้ทหารอิสราเอลช่วยตัวประกันออกมาได้น้อยมาก เฉพาะวันที่ 11 กุมภาพันธ์ กองทัพอิสราเอลแจ้งว่า ช่วยตัวประกันจากราฟาห์ออกมาได้เพียง 2 คนเท่านั้น สำหรับการโจมตีเป็นเหตุให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 74 คน ส่วนตัวประกันที่ช่วยออกมาได้ก็ต้องถูกยิงตายตามไปด้วย

ดูเหมือนว่ารัฐบาลเนทันยาฮูไม่สนใจกับความเป็นความตายของตัวประกัน เป็นเหตุให้ครอบครัวของบรรดาตัวประกันเกิดความไม่พอใจกับพฤติการณ์อันหย่อยยานในเรื่องมนุษยธรรม

การที่อิสราเอลขยายขอบเขตในการปฏิบัติการทหาร ไม่เพียงต้องการทำลายกองกำลังฮามาสให้หมดไปเท่านั้น เพราะเนทันยาฮูให้สัมภาษณ์ว่า “ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม นี่คือการบุกครั้งสุดท้ายของเรา” จึงถูกตีความว่า ในที่สุดได้ยึดครองพื้นที่กาซา และขับไล่ชาวปาเลสไตน์ได้สำเร็จ ขยายพื้นที่อิสราเอลให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

การที่อิสราเอลกล้าเสี่ยงในเรื่องที่ไม่ควรเสี่ยง คือ ปฏิเสธอิสราเอลและปาเลสไตน์แยกการบริหาร กรณีละม้ายกับพฤติกรรมอาณานิคมในกาลอดีตของตะวันตก แต่เป็น “เวอร์ชั่นสมัยใหม่” อนึ่ง ประเทศตะวันตกคงมีความสงสารชาวยิวที่ถูกทำลายชีวิตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีอุดมการทางการเมืองใกล้เคียงกัน ดังนั้น จึงได้แต่ตำหนิด้วยวาจาอย่างเสียไม่ได้ แต่ไม่มีการระงับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า “แบบแผนสองประเทศ” อิสราเอลไม่ยอมรับ และพอจะอนุมานได้ว่า
วิกฤตมนุษยธรรมที่ฉนวนกาซาจะต้องเลวร้ายขึ้นตามลำดับ ตาม “กาล” และ “การณ์” อย่างหลีกเลี่ยงมิได้

ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image