เรื่องท้าวอิลราช

เรื่องท้าวอิลราช

เมื่อ 50 กว่าปีก่อนหนังสือเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายล้วนแต่เป็นวรรณคดีทั้งไทยและอังกฤษ ยากๆ ทั้งนั้น จึงมีหนังสือประเภท “หนังสือคู่มือ” ขึ้นมาเพื่อให้อ่านง่ายขึ้น ซึ่งผู้เขียนมีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่องอิลราชคำฉันท์ เป็นวรรณคดี คำฉันท์ที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี มีความไพเราะ และนิยมใช้เป็นแบบอย่างในการแต่งคำฉันท์มาช้านาน แม้จะมีความยาวเพียง 329 บท ตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มเล็กเพียง 36 หน้ากระดาษเท่านั้น แต่อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับต้องอาศัยหนังสือคู่มือเล่มนี้แหละครับ จึงได้พบเรื่องราวที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ที่อยากจะแชร์กับท่านผู้อ่านที่เคารพในช่วงสงกรานต์นี้นะครับ

สำหรับแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องท้าวอิลราชในครั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันนี้มีการพูดถึงความหลากหลายทางเพศ เพศสภาพ เพศทางเลือก เอกลักษณ์ทางเพศ เพศวีถี โดยเฉพาะเรื่องสมรสเท่าเทียม คือ การสมรสของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ไม่จำกัดเฉพาะชายและหญิงเท่านั้น แต่จะครอบคลุมทุกเพศสภาพ ทั้งเพศวิถีและอัตลักษณ์ทางเพศเพื่อให้บุคคลเหล่านี้ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายตามหลักความเสมอภาคและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในขณะที่ท้าวอิลราช ในวรรณคดีเรื่อง “อิลราชคำฉันท์” เป็นชายและหญิงในร่างเดียวกัน อีกทั้งมิใช่เป็น LGBTQ ในความหมายในปัจจุบัน เพราะเมื่ออยู่ในเพศไหน ก็ปฏิบัติตนตามเพศสภาพนั้นๆ เป็นปกติ

เรื่องมีอยู่ว่า มีกษัตริย์พระองค์หนึ่งนามว่า “ท้าวอิลราช” ครองเมืองพลหิกา วันหนึ่งพระองค์ได้พาข้าราชบริพารเสด็จออกไปล่าสัตว์ในป่าแล้วก็ถึงคราวเคราะห์ร้ายหลงเข้าไปถึงเชิงเขาไกรลาศ ประจวบกับเวลานั้นพระอิศวรกำลังทรงสำราญอยู่ในที่รโหฐาน ณ เชิงเขาไกรลาส และได้ทรงจำแลงเป็นสตรีเพื่อล้อพระอุมาเล่น และบรรดาสัตว์และต้นไม้ก็กลายเป็นเพศหญิงไปหมด ท้าวอิลราชกับบริวารได้ก้าวล่วงเข้าไปในที่รโหฐานนั้นเข้า ก็กลายเป็นสตรีไปหมด

Advertisement

ท้าวอิลราชตกพระทัยมากจึงรีบเข้าไปขออภัยโทษต่อพระอิศวรเพื่อขอให้เป็นชายดังเดิม แต่พระอิศวรยังกริ้วอยู่เลยไม่ยอมให้อภัย แต่พระอุมาทรงมีเมตตาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง แล้วให้เป็นสตรีเดือนหนึ่ง และเป็นบุรุษอีกเดือนหนึ่งสลับกันไป และเมื่อใดกลับเพศเป็นชายให้ลืมเหตุการณ์ทั้งปวงที่ได้เป็นไปในเวลาเป็นสตรี และเมื่อกลายเป็นสตรีก็ให้ลืมเวลาที่เป็นบุรุษ แต่นั้นมาก็เป็นบุรุษชื่อ ท้าวอิลราชเดือนหนึ่ง และกลายเป็นนางอิลาเดือนหนึ่งสลับกันอยู่ โดยตอนเป็นหญิงจะมีชื่อว่า “นางอิลา” ส่วนข้าราชบริพารที่กลายเป็นหญิงนั้นก็ยังต้องเป็นหญิงต่อไป

ในช่วงท้าวอิลราชยังเป็นนางอิลาอยู่ก็พาบริวารหญิงไปท่องเที่ยวในป่า ก็ไปพบกับพระฤษีตนหนึ่งชื่อพระพุธผู้เป็นลูกของพระจันทร์ ครั้นพระฤษีได้เห็นนางอิลาที่เป็นสตรีรูปงาม ก็ตบะแตก ตกหลุมรักนางทันที จึงชวนนางไปอาศรมและซักถามความเป็นมา นางก็ตอบไม่ได้เพราะลืมเรื่องราวตอนเป็นชายไปหมดแล้ว พระพุธเล็งดูด้วยญาณก็ทราบเหตุทั้งปวง จึงรับนางมาอยู่กินเป็นภรรยา ส่วนข้าราชบริพารทั้งหลายก็ให้กลายเป็นกินรีอาศัยอยู่ในป่าเขานั้น ครั้นครบเดือนนางอิลากลายเป็นท้าวอิลราช ก็ลืมตอนเป็นสตรีไป พอเห็นพระพุธก็ถามถึงข้าราชบริพารของพระองค์ พระพุธไม่อยากให้พระองค์เสียพระทัยที่พระองค์ยังได้กลับเป็นชายเดือนเว้นเดือน แต่ข้าราชบริพารต้องเป็นหญิงไปตลอดกาล จึงหลอกว่าเกิดเหตุร้าย หินทลายลงมาทับข้าราชบริพารของพระองค์จนตายหมด ที่พระองค์รอดเพราะบังเอิญอยู่ในอาศรมกับพระพุธ ได้ยินดังนั้นท้าวอิลราชก็ทรงรู้สึกเศร้าโศก จึงตรัสกับพระพุธว่าจะยกราชสมบัติให้พระโอรส และตนจะขอบวชเป็นโยคี พระพุธจึงชวนให้อยู่ด้วยกัน ท้าวอิลราชที่เป็นชายจึงอยู่กับพระพุธ ครั้นครบเดือนเมื่อกลายร่างเป็นนางอิลาก็อยู่ปรนนิบัติเป็นภรรยาพระพุธ อยู่กลับไปกลับมาเช่นนี้ จนเกิดลูกชายคนหนึ่งกับพระพุธชื่อว่า “ปุรุรพ”

ต่อมาพระพุธคงอยากกลับไปบำเพ็ญพรตต่อจึงได้เชิญพระมหาฤษีทั้งหลายมาปรึกษาหารือเพื่อแก้ไขคำสาปของพระอิศวร จึงรู้ว่าการทำพิธีอัศวเมธ (การบูชายัญด้วยม้า) ต่อพระอิศวร จะทำให้พระอิศวรโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง ปรากฏว่าเมื่อท้าวอิลราชได้กระทำพิธีอัศวเมธแล้ว พระอิศวรทรงพอพระทัยจึงเสด็จมาประทานพรให้ท้าวอิลราชได้กลับเป็นบุรุษตลอดไป ไม่ต้องกลับไปเป็นสตรีอีก เมื่อกลับนครพลหิกา ท้าวอิลราชจึงอภิเษกให้พระสสพินทุ์ โอรสองค์โตครองราชย์ในนครนั้น แล้วไปสร้างนครใหม่ พระปุรุรพโอรสที่เกิดกับพระพุธครองสืบไป

Advertisement

ครับ ! ท้าวอิลราชนี่ถือเป็นต้นวงศ์ของกษัตริย์ “จันทรวงศ์” คือ วงศ์ที่สืบสายมาจากเทพเจ้าองค์หนึ่งคือ พระจันทร์ เพราะในคัมภีร์ฤคเวทระบุว่า พระปุรุรพเป็นลูกของนางอิลา ส่วนในมหาภารตะอ้างว่า นางอิลาเป็นทั้งพ่อและแม่ของปุรุรพ บางครั้งจึงมีการเรียกราชวงศ์นี้ว่า “อิลาวงศ์” โดยตามเรื่องราวในปกรณัมพราหมณ์อ้างว่า พวกที่สืบสายมาจากพระจันทร์นี้ครองเมืองสำคัญอยู่ 2 เมือง คือ เมืองหัสตินาปุระ ของพวกเปารพ และ “เมืองทวารกา” หรือ “ทวารวดี” ของพวกยาฑพ ซึ่งก็คือเมืองของพระกฤษณะ ตามที่เล่าอยู่ในมหาภารตะนั่นเอง

สนุกดีนะครับ อ่านวรรณคดีของอินเดียแล้วดูมีการโยงใยถึงกันหมด แล้วยังถือเป็นเรื่องจริงจังกันต่อมาจนทุกวันนี้

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image