การแถลงนโยบายประจำปี 2024 ของ Ferdinand Romualdez Marcos Jr. (Bongbong Marcos) ต่อรัฐสภาฟิลิปปินส์

การแถลงนโยบายประจำปี 2024 ของ Ferdinand Romualdez Marcos Jr. (Bongbong Marcos) ต่อรัฐสภาฟิลิปปินส์

การแถลงนโยบายประจำปี 2024
ของ Ferdinand Romualdez Marcos Jr. (Bongbong Marcos)
ต่อรัฐสภาฟิลิปปินส์

การแถลงนโยบายปีนี้เป็นปีที่ 3 หลังจากที่ Marcos Jr. เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อปี 2022 และเป็นธรรมเนียมของฟิลิปปินส์ ตั้งแต่อเมริกาเข้าครอบครอง ซึ่งได้ให้ผู้รักษาการในเครือจักรภพแถลงนโยบายตั้งแต่ปี 1936 จนถึงได้รับเอกราชและมาจนถึงปัจจุบัน  ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ละเมิดมิได้ นับจากปี 1986 เป็นต้นมา ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญว่าให้แถลงนโยบายทุกปี ในวันจันทร์แรกของสัปดาห์ที่ 4 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่ 3 ของการเป็นประธานาธิบดีนี้ ตรงกับวันที่ 22 กรกฎาคม 2024

การแถลงนโยบายนี้เป็นการแจ้งต่อรัฐสภาและประชาชนทั้งประเทศถึงสถานการณ์ทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร และจะแก้ไขอย่างไรในปีต่อไป รวมทั้งนโยบายที่จะดำเนินการในอนาคตด้วย ผู้ที่จะเข้าไปร่วมฟังการแถลงนโยบายในครั้งนี้นอกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวุฒิสมาชิกและคณะกรรมาธิการทั้ง 2 สภาแล้วยังมีที่นั่งในรัฐสภาขององค์กรพัฒนาเอกชนภาคเอกชนและประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าฟังล่วงหน้า ส่วนด้านนอกสภาจะมีประชาชนยืนฟังหรือประท้วงก็เป็นเรื่องธรรมดาของชาวฟิลิปปินส์ที่จะแสดงความคิดเห็นได้

ถึงแม้ Marcos Jr. จะไม่ชาญฉลาดเท่ากับอดีตประธานาธิบดี แต่เขามีที่ปรึกษาที่มีความรู้ความสามารถซึ่งได้คัดเลือกมาจากอดีตประธานาธิบดีหลายๆ ท่านเข้ามาอยู่ในรัฐบาล ตั้งแต่ประธานาธิบดี Corazon Aquino จนถึง ประธานาธิบดี Rodrigo Duterte การแถลงนโยบายครั้งนี้ครอบคลุมนโยบายทุกเรื่องที่มีทั้งปัญหาและไม่มีปัญหา รวมทั้งโครงการใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นด้วย ดังต่อไปนี้

ADVERTISMENT

ด้านความมั่นคงทางอาหารและเกษตรกรรม

Marcos Jr. กล่าวว่า ในปีนี้คนในประเทศมีข้าวในการบริโภคไม่เพียงพอ เนื่องจากชาวนาได้แจ้งต่อรัฐบาลว่า การปลูกข้าวลดน้อยลง เพราะมีพายุไต้ฝุ่นมากในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นจึงต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ และจะดำเนินการให้ชาวนาปลูกข้าวมากขึ้น ในขณะนี้ก็ได้นำส่งเมล็ดพันธุ์ข้าวไปยังท้องถิ่นต่างๆ จำนวน 100 ล้านกิโลกรัม พร้อมด้วยปุ๋ยช่วยชาวนาในการปราบปรามศัตรูพืช

ADVERTISMENT

ด้านการปฏิรูปที่ดิน ได้วางโครงการสำหรับการปฏิรูปที่ดินต่อไปเรื่อยๆ จนเขาหมดวาระ ซึ่งใน 2 ปีที่ผ่านมาเขาได้ให้กรรมสิทธิ์ที่ดินประมาณ 700,000 กรณี เพื่อการปฏิรูปทางด้านเกษตรกรรม ด้านการลักลอบขนของเถื่อน เขาได้ออกกฎหมายบังคับและพยายามดักจับพวกขนของเถื่อน ในปีที่แล้วได้ดักจับการลักลอบขนของเถื่อนทางการเกษตรและด้านการประมง มูลค่า 2.7 พันล้านเปโซ นอกจากนั้นยังได้ป้องกันไม่ให้บุคคลเหล่านี้เข้ามามีอิทธิพลต่อราคาในตลาดของฟิลิปปินส์ รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจตราและควบคุมดูแล ดักจับ ทางผ่านของสินค้าต่างๆ ด้วย ด้านการจัดการถนนจากฟาร์มสู่ตลาด เขากล่าวว่า ในปีนี้จะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าจากฟาร์มไปสู่ตลาดในระยะทาง 1200 กิโลเมตรให้เสร็จสมบูรณ์ และจะอำนวยความสะดวกเครื่องจักรให้กับเกษตรกร จำนวน 9,300 เครื่องในการทำฟาร์ม

ด้านระบบชลประทาน เขากล่าวว่า ทางการจะซ่อมแซมระบบชลประทานเพื่อผันน้ำเข้าไปในที่เพาะปลูก  ซึ่งในปีที่แล้วก็ได้ช่วยการชลประทานในที่ดิน 10,000 เฮกตาร์ ในโคตาบาโตตอนเหนือ จังหวัดมากินดาเนา เดล ซูร์ และจะพยายามสร้างพลังงานแสงอาทิตย์ ในเมืองกีรีโน จังหวัดอิซาเบลลา

ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เขาตระหนักดีถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศ ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยส่วนรวมในปีนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาจะเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภา และนำไปเสนอต่อ กองทุนการสูญเสีย (Board of the Loss and Damage Fund) ซึ่งฟิลิปปินส์เป็นประธานในปีนี้ พร้อมกันนี้จะแต่งตั้งบุคลากรที่มีความสามารถในการบริหาร การจัดการความเสี่ยง เพื่อดูแลและป้องกันผู้ที่ถูกกระทบจากภัยธรรมชาติ เมื่อ 2 ปีที่แล้วทางการได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกว่า 100 ครัวเรือนเพื่อให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพ เขาได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย (Disaster Response Command Center) ในเขตที่มีภัยพิบัติสูงสุด เพื่อควบคุมดูแลและแก้ปัญหา

โครงการต่อมาคือโครงการความสะอาดของประเทศฟิลิปปินส์ใหม่ (Kalinina sa Bagong Pilipinas) ให้ทุกท้องถิ่นทั่วประเทศรักษาความสะอาด รวมทั้งในตัวเมืองมะนิลาด้วย ซึ่งในขณะนี้ได้ดำเนินการในแม่น้ำปาซิกแล้ว การเกิดของโครงการนี้ เนื่องจากฟิลิปปินส์มีปัญหาเรื่องขยะมาก

ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีประโยนชน์กับชนชั้นกลางระดับสูง ที่เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ นอกจากนั้นยังจัดบริการไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตที่จะต้องมีการพัฒนาให้กับการพัฒนาประเทศ และยังมีโครงการจัดหาฟรี Wi-Fi เพิ่มขึ้น  ซึ่งในขณะนี้ผู้ใช้ได้รับบริการ 10 ล้านคน โครงการดังกล่าวเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านอินเตอร์เน็ต ไม่เพียงแต่เท่านั้นเขาจะส่งเสริมให้มีไฟฟ้าใช้ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาของฟิลิปปินส์ในขณะนี้ จังหวัดที่มาร์กอสจะดำเนินการคือ บาตาอัน ปัมปังกา บูลาคาน และโครงการ เซบูเนโกรสปาไน นอกจากนี้เขามีแผนที่จะเชื่อมต่อไฟฟ้าระหว่างเกาะมินดาเนาวิสายะ

ในส่วนของโครงการสร้างถนน สะพาน ระหว่างเมือง จังหวัดและเกาะต่างๆ ขณะนี้มีการสร้างถนนยาวประมาณ 12,000 กิโลเมตร และสะพาน 200 แห่ง ถนนและสะพานจะเชื่อมตอนเหนือ ตอนกลาง ของเกาะลูซอน ไปที่มะนิลาแลเกาะลูซอนตอนใต้ เป็นโครงการต่อเนื่องจาก อดีตประธานาธิบดี อากีโนและดูแตร์เต เกี่ยวกับ ด้านโภชนาการ เขามีโครงการ Walang Gutom 2027 (ไม่มีความหิวโหย) ซึ่งจะเริ่มจาก 2,300 ครัวเรือน ถึง 300,000 ครัวเรือน ภายในสิ้นปี 2024 เนื่องจากฟิลิปปินส์เป็นเกาะ ยากที่จะดำเนินการทั้งหมดให้เสร็จทั่วประเทศในครั้งเดียวในเรื่องของ โครงการ Palarong Pambansa คือการสร้างศูนย์กีฬาแห่งชาติที่เซบู ในปี 2024 เพื่อเป็นศูนย์ออกกำลังกายของทุกชนชั้นในเดือนกรกฎาคมนี้ ด้วยการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ ในเรื่องของ โครงการตำรา ฟิลิปปินส์มีปัญหาในการผลิตตำราให้กับนักเรียน เนื่องจากมีประชากรเพิ่มขึ้น จึงมีนโยบายที่จะพิมพ์ตำราให้ทันกับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีโครงการเพิ่มทักษะให้แก่ครูให้มากขึ้น เพราะครูเป็นรากฐานของระบบการศึกษาของประเทศ

ทางด้านสุขภาพ เขาจะสร้างศูนย์สุขภาพเพื่อคนจนทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้ให้หน่วยงานท้องถิ่นทุกจังหวัดดำเนินการอยู่ ภายใต้ Super Health Centers เกี่ยวกับ โครงการผู้พิการและผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐบาลได้มีโครงการนี้มาอย่างยาวนานแล้ว แต่ Marcos Jr. จะเพิ่มสวัสดิการให้มากขึ้น เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นกำลังของชาติ ทั้งปัจจุบันและในอนาคต ส่วน โครงการการท่องเที่ยว ฟิลิปปินส์จะเน้นการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เนื่องจากฟิลิปปินส์มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และมีธรรมชาติที่สวยงามตามเกาะต่างๆ ด้านที่สำคัญอีกด้านหนึ่งคือ

ด้านสันติภาพและความมั่นคงของประเทศ ให้ทหาร ตำรวจ และประชาชน ร่วมกันสอดส่อง ทั้งทางบกและทางทะเล และหน่วยยามชายฝั่งในทะเลจีนใต้ และผู้ก่อการร้ายที่จะเข้ามาในฟิลิปปินส์ ส่วนโครงการที่ต่อเนื่องจากประธานาธิบดี ดูแตร์เต คือ การดำเนินการในโครงการ War on Drugs (สงครามเกี่ยวกับยาเสพติด) เขาจะสืบต่อนโยบายนี้ แต่จะให้เสียเลือดเนื้อน้อยที่สุด ส่วนโครงการ รถไฟแบบทันสมัย เขาจะสร้างรถไฟและรถไฟฟ้าที่ทันสมัยเพิ่มขึ้นจากเดิม เช่น MRT-7 และโครงการ North- South Commuter Railway นอกจากนี้ เกี่ยวกับการ สร้างสนามบิน เขาจะปรับปรุงสนามบิน Ninoy Aquino International Airport (NAIA) ให้ทันสมัย เพื่อรองรับผู้โดยสารให้มากขึ้น โดยความร่วมมือจากภาคเอกชน ทางการได้สร้างสนามบินและท่าเรือ 70 แห่งทั่วประเทศ และยังมีโครงการอีก 350 โครงการ ซึ่งจะเสร็จภายในปี 2028

ที่สำคัญในขณะนี้คือ เขาได้ออกกฎหมายสั่งยกเลิก Philippine Amusement Gaming Corporation (PAGCOR) ทั่วประเทศ ภายในสิ้นปีนี้ และให้กระทรวงแรงงานจัดหางานใหม่ให้กับพนักงานที่ทำงานในหน่วยงานนี้ และห้ามมีการพนันนอกชายฝั่งทะเลของฟิลิปปินส์ Philippine Offshore Gaming Operator (POGO) ในเรื่องทะเลฟิลิปปินส์ (West Philippine Sea) ฟิลิปปินส์จะดำเนินการเจรจาทางการทูตโดยผ่านองค์กรต่างๆ และจะใช้เวทีอาเซียน ซึ่งฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ ในปี 2026 จุดยืนของฟิลิปปินส์จะไม่ยอมเสียส่วนที่เป็นของฟิลิปปินส์ให้กับจีน

เรื่องสุดท้ายเกี่ยวกับ สถานภาพทางเศรษฐกิจ ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ในไตรมาสแรกเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียนคือ 5.7 เปอร์เซ็นต์ เวียดนามมาอันดับสอง คือ 5.6 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าความเจริญเติบโตของฟิลิปปินส์ในไตรมาสสุดท้ายจะเท่ากับ 6 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีการลงทุนจากยุโรปและอเมริกาเพิ่มขึ้นมาก

ตามที่กล่าวมาแล้วการแถลงนโยบายของ Marcos Jr. มีทั้งปัญหา การแก้ปัญหา และแนวโน้มในอนาคต ซึ่งในปี 2025 ประชาชนจะทราบว่าประเทศจะดำเนินการไปตามความคาดหมายได้หรือไม่นั้น ภาคประชาชนจะเป็นผู้สอดส่องดูแลร่วมกับภาครัฐและเอกชน นี่คือนโยบายของประเทศที่อยู่ห่างไกลจากประเทศไทย ที่มีอิทธิพลต่อไทยในหลายเรื่องด้วยกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image