ทำไมต้องท้องถิ่น 3

ทำไมต้องท้องถิ่น 3

ก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงความหมายและความเป็นมาของ อปท. ซึ่งห้วงเวลานี้ชาวบ้านก็ได้ยินได้ฟังเรื่องการเลือกตั้งนายก อบจ.กันไปพอสมควร เพราะมีหลายจังหวัดเริ่มมีการเลือกตั้งกันไปแล้ว สาเหตุก็เพราะนายก อบจ.ชิงลาออก (ก่อนหมดวาระ 180 วัน) เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบคู่ต่อสู้ (ที่ยังไม่พร้อม) เพื่อจะได้กลับเข้ามาเป็นนายก อบจ.อีกครั้ง มีให้เห็นหลายจังหวัด เช่น ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยภูมิ ราชบุรี ซึ่งส่วนใหญ่ตอนลาออกก็จะมีข้ออ้างสารพัด ส่วนใหญ่จะอ้างเรื่องไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้เต็มที่จึงขอลาออก ดังนั้น ร้อยทั้งร้อยเมื่อลาออกแล้วก็จะลงมาสมัครใหม่ ดูๆ แล้วก็นึกขำดีเหมือนกัน

ข้ออ้างเรื่องการแก้ปัญหาให้กับประชาชนของ อปท.นั้น ถ้าดูผิวเผินบอกตรงๆ ว่าชาวบ้านไม่ค่อยคาดหวังอะไรกับ อปท.อยู่แล้ว พูดง่ายๆ ใครเป็นก็คล้ายๆ กัน ไม่มีอะไรใหม่ ความกระตือรือร้นในการออกไปเลือกตั้งจึงมีน้อย สัดส่วนของผู้ไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งท้องถิ่นจึงไม่มากเท่ากับการเลือกตั้งระดับประเทศ อย่างไรก็ตาม ในทางวิชาการแล้วหาก อปท.สามารถบริหารท้องถิ่นได้ดี ชาวบ้านแทบจะไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งบริการของรัฐบาลกลางเลย ซึ่งความรู้สึกอย่างนี้จะเกิดขึ้นในต่างประเทศ เช่น ประเทศแถบยุโรป หรือแม้แต่ญี่ปุ่นใกล้บ้านเรา ทั้งนี้ตามภารกิจและอำนาจหน้าที่นั้น มีกฎหมายเขียนไว้ให้ความสำคัญกับการบริหารท้องถิ่นเป็นอันมาก ทั้งกฎหมายเฉพาะ เช่น พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด, พ.ร.บ.เทศบาล, พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล และกฎหมายส่วนกลาง เช่น พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจาย อำนาจให้แก่ อปท.

ถ้าดูดีๆ เรื่องภารกิจนี้มีมากมายนัก ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ทุกมิติ เรียกว่าถ้าจะทำกันจริงๆ คงทำไม่หวาดไม่ไหวเพราะภารกิจมากเหลือเกิน ผู้บริหาร อปท.แต่ละภูมิภาคคงต้องเลือกและวางแนวทางบริหารให้ตรงกับบทบาทของแต่ละพื้นที่ หากพื้นที่เจริญแล้วก็คงต้องไปเน้นด้านความสงบเรียบร้อย แต่หากพื้นที่ทุรกันดาร ก็คงต้องไปเน้นด้านโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น

ADVERTISMENT

ขอยกตัวอย่างภารกิจและอำนาจหน้าที่ของ อปท. เช่น ถนนหนทาง การรักษาความสะอาด การดูแลความสงบเรียบร้อย ดูแลทางระบายน้ำ ขยะมูลฝอย ป้องกันโรคติดต่อ ส้วมสาธารณะ ไฟฟ้าแสงสว่าง โรงรับจำนำ ส่งเสริมพัฒนาอาชีพ บำรุงรักษาจารีตประเพณี สาธารณสุข ผังเมือง ส่งเสริมการท่องเที่ยว ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ควบคุมอาคาร โรงฆ่าสัตว์ ฯลฯ ภารกิจเหล่านี้เป็นหน้าที่ของระดับเทศบาลและ อบต. ส่วน อบจ.นั้นจะมีความแตกต่าง เพราะกฎหมาย พ.ร.บ.กระจายอำนาจฯ วางหลักไม่ให้ อบจ.ทำงานทับซ้อนกับเทศบาลและ อบต. ดังนั้น รูปแบบภารกิจจึงเป็นไปในลักษณะประสานงานและให้ความช่วยเหลือ อปท.ขนาดเล็กกว่า เรียกว่าภารกิจ อบจ.นั้น “เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ” เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ที่พูดมาทั้งหมดคือการว่ากล่าวกันตามทฤษฎี แต่ในความเป็นจริงก็คงทำได้ยาก เพราะ อปท.แต่ละแห่ง แต่ละระดับ ก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูง การที่ อบจ.จะไปให้ความช่วยเหลือ อปท.อื่นเป็นไปได้ยาก เพราะมีปัจจัยทางธุรกิจและการเมืองมาเกี่ยวข้อง เช่น ถ้าหากเอางบ อบจ.ไปสนับสนุน อปท.อื่นแล้ว ผลประโยชน์จะจัดสรรกันอย่างไร หรือหากจะบูรณาการทำงานร่วมกัน แต่อยู่ฝ่ายการเมืองคนละกลุ่ม จึงร่วมมือกันไม่ได้ การพัฒนาลักษณะตามทฤษฎีจึงไม่เกิดขึ้นจริง

หากยกภารกิจและอำนาจหน้าที่มาลงในที่นี้คงมีพื้นที่ไม่พอ เอาแต่เพียงว่าหากไม่ใช่เรื่องของความมั่นคง เรื่องระหว่างประเทศ เรื่องกระบวนการยุติธรรม หรือเรื่องเศรษฐกิจของประเทศแล้ว เป็นหน้าที่ของ อปท.ทั้งสิ้น ล่าสุดเพิ่งมีการถ่ายโอนภารกิจด้านสาธารณสุขระดับปฐมภูมิ คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปอยู่กับ อบจ. ส่วนก่อนหน้านี้ก็เคยมีการถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษา คือ โรงเรียนมัธยมและโรงเรียนประถมบางส่วนไปอยู่กับ อบจ.และ อบต.ตามลำดับ หรือหากจะเอาก่อนๆ หน้านี้ไปอีก ก็เคยมีการถ่ายโอนถนนของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทเดิม (รพช.) หรือกรมทางหลวงชนบทในปัจจุบัน ไปให้ทั้ง อบจ.และ อบต.ดูแล เรียกได้ว่าทยอยโอนให้ตามแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ เพราะตามแผนแล้วต้องมีการถ่ายโอนให้ท้องถิ่นดูแลภารกิจ ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่าภาระหน้าที่ของ อปท.นั้นมีเยอะจนทำไม่ไหว พูดง่ายๆ เลยว่าผู้รับจะพร้อมหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ต้องโอนให้ ผลกระทบก็จะเกิดกับชาวบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคราวหน้าจะมากล่าวถึงเรื่องการถ่ายโอนภารกิจต่อ คราวนี้จึงต้องจบแต่เพียงแค่นี้

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image