โกวิทย์ พวงงาม : เลือกตั้งนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ.ไปทำไม?

ความสำคัญของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สมาชิกสภา อบจ.) อยู่ที่การส่งเสริมภาพจำที่ประชาชนต้องรับรู้ว่า เลือกตั้งนายก อบจ.และเลือกสมาชิกสภา อบจ.ไปทำไม และประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร สำหรับการเลือกตั้ง อบจ.ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568

แต่กลับกลายเป็นว่า การชูประเด็น “เลือกนายก อบจ.ไปทำไม และเลือกแล้วประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร” นั้น ดูเหมือนว่าทำกันได้น้อยมาก โดยเฉพาะการนำเสนอผ่านสื่อจากช่องทางต่างๆ หรือแม้กระทั่งจากการไปหาเสียงของบรรดาพรรคการเมือง ผู้นำพรรค ผู้ช่วยหาเสียงของพรรค จนกลายเป็นกระแสรองไป

ส่วนกระแสหลักจึงกลายเป็นว่า น้ำหนักในการนำเสนอข่าวหาเสียงรณรงค์การเลือกตั้ง ส่วนใหญ่มักจะชูประเด็นเรื่องของการแข่งขันกันทางการเมืองระหว่างพรรคการเมือง กลุ่มบ้านใหญ่ รวมทั้งการวิเคราะห์การแย่งชิงพื้นที่เพื่อให้ได้นายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ. ว่ากลุ่มใดพรรคการเมืองใดจะได้ที่นั่งมากกว่ากัน

ที่สำคัญทั้งๆ ที่กระแสการเลือกตั้ง อบจ.น่าจะเป็นโอกาสของพรรคการเมือง หรือผู้นำในการนำเสนอนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและกระจายอำนาจให้ อบจ.อย่างไร ทั้งภารกิจและงบประมาณ จะหาวิธีการลดช่องทางความซ้ำซ้อนของงานระหว่าง อบจ.กับส่วนราชการในจังหวัดอย่างไร และจะถ่ายโอนงานงบประมาณ อบจ.อย่างไร เป็นต้น

ADVERTISMENT

เมื่อไปดูกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของนายก อบจ.และอำนาจหน้าที่ของ อบจ.แล้ว พบว่า อำนาจหน้าที่ของนายก อบจ.และอำนาจหน้าที่ของ อบจ.มีความสำคัญต่อการพัฒนาจังหวัดให้กับประชาชนในหลายๆ ด้าน ที่จะต้องเสนอนโยบายผ่านการจัดทำแผนพิจารณาของ อบจ. และประสานการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

อย่างไรก็ตาม นายก อบจ.จะเสนอนโยบายอย่างไร และจะทำแผนพัฒนา อบจ. และประสานแผนพัฒนาจังหวัด เพื่อจะพัฒนาจังหวัดให้ก้าวหน้าไปตามเป้าหมายนั้น จะทำได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ การนำนโยบายของนายก อบจ.จะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและความรับผิดชอบในการบริหารราชการของ อบจ.ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อบัญญัติและนโยบาย

ADVERTISMENT

นายก อบจ.มีอำนาจในการสั่ง อนุญาต และอนุมัติ เกี่ยวกับราชการของ อบจ. มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอน ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งทีมงานที่จะต้องมาคิดเรื่อง “นโยบาย” และผลักดันนโยบายไปสู่การปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่

โดยเมื่อพิจารณาถึง “นโยบาย” ซึ่งนายก อบจ.ต้องทำนโยบายทั้งที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ และเมื่อได้มาเป็นนายก อบจ.แล้ว ต้องจัดทำแผนพัฒนา อบจ. และประสานแผนพัฒนาจังหวัดเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด ตามอำนาจหน้าที่ของ อบจ. ซึ่งตาม พ.ร.บ.อบจ. และ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่น พ.ศ.2542 ซึ่งมีหลายประเด็นที่นายก อบจ.จะหยิบยกมาชูเป็นนโยบายและผลักดันไปสู่การปฏิบัติ เป็นต้นว่า

นโยบายจัดให้มีโรงพยาบาลจังหวัด เพื่อการรักษาพยาบาล ดูแลผู้ป่วยในจังหวัด และป้องกันและควบคุมโรค

– นโยบายการคุ้มครองดูแลและบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดการสิ่งแวดล้อมและมลพิษต่างๆ

– นโยบายจังหวัดอากาศสะอาด ไร้ฝุ่น และจังหวัดสีเขียว

– นโยบายการดูแลผมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลรวมของจังหวัด

– นโยบายการจัดการและดูแลสถานีขนส่ง ทั้งทางบกและทางน้ำ

– นโยบายการจัดการศึกษา ศูนย์เรียนรู้ของจังหวัด หอเกียรติภูมิของจังหวัดหรือเมือง

– นโยบายการสร้างและบำรุงทางบก ทางน้ำ ที่เชื่อมต่อระหว่างองค์กรปกครองท้องถิ่นภายในจังหวัด

– นโยบายเรื่องการท่องเที่ยวจังหวัด การส่งเสริมการลงทุน การพาณิชย์ ทั้งในรูปการดำเนินการเองและร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆ หรือทำสหการ

– นโยบายการรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมท้องถิ่น

นี่เพียงตัวอย่างนโยบายตามอำนาจหน้าที่ของ อบจ.ที่จะต้องมีความคิด (Mind Set) ในการนำเสนอผลักดันที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจังหวัดได้

ตลอดจนการที่นายก อบจ.จะต้องเรียนรู้ด้านงบประมาณของ อบจ.ในจังหวัดของตนว่ามีงบประมาณรายได้เท่าใด และแจ้งให้ประชาชนทราบว่าจะนำงบประมาณไปใช้ขับเคลื่อนตามนโยบายด้านใดอย่างไร

ผู้สมัครนายก อบจ.จะต้องมีความเป็นผู้นำ มีความกล้าที่จะต้องตัดสินใจเชิงนโยบายว่าเมื่อเข้ามาเป็นนายก อบจ.จะขับเคลื่อนให้จังหวัดเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางใด อย่างไร ดังเช่น

จะขับเคลื่อนให้จังหวัดเป็นจังหวัดที่มีการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ รณรงค์จังหวัดสีเขียว ไร้มลพิษ เป็นต้น หรือจะขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพด้านสุขภาพอนามัย และสร้างโรงพยาบาลของ อบจ. เพื่อการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดของจังหวัด โดยจะทุ่มงบประมาณในแต่ละด้านเท่าใดอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากงบประมาณรายได้ของ อบจ.

ส่วนสมาชิกสภา อบจ.ต้องมีบทบาทในการเป็นฝ่ายดูแลนโยบาย จะสนับสนุนนโยบายและเป็นผู้ตรวจสอบการทำงานของนายก อบจ.ตามนโยบาย เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในจังหวัดให้มากที่สุด โดยอาจจะมีการอภิปราย ตั้งกระทู้ถาม เสนอญัตติ และตรวจสอบการใช้งบประมาณของ อบจ.

ผมเข้าใจว่าทั้งนายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ. ถ้าเข้าใจอำนาจหน้าที่และบทบาทของตนก็จะทำให้การเลือกตั้งนายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ.จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

ผมเสนอว่า นายก อบจ.ที่จะได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่นายก อบจ.และเข้าไปบริหาร อบจ. จะต้องแสดงบทบาทมีความเป็นผู้นำ (Readership) ของจังหวัด ที่จะชูนโยบายอันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจังหวัดและการพัฒนาจังหวัดที่ก้าวหน้าขึ้น นายก อบจ.จึงเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.คือการเลือกบุคคลมาพัฒนาจังหวัดนั่นเอง

ศาสตราจารย์ ดร.โกวิทย์ พวงงาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image