เจาะลึกบทบาท อบจ. (2)

เจาะลึกบทบาท อบจ. (2)

เจาะลึกบทบาท อบจ. (2)

ช่วงที่ผ่านมามีข่าวใหญ่เกี่ยวกับ อบจ.หลายข่าว ทั้งการส่งผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนพรรคการเมืองในระดับการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งสมัยก่อนพรรคการเมืองจะไม่นิยมส่งผู้สมัครในนามพรรค เพราะมีแต่เสมอตัวกับสร้างความแตกแยกในพรรค แต่ปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยน วิธีคิดของพรรคการเมืองก็เปลี่ยน แม้แต่กฎหมายก็ยังเปลี่ยนเพราะสมัยก่อนจะห้ามไม่ให้นักการเมืองหรือผู้มีตำแหน่งทางการเมืองระดับประเทศลงไปแทรกแซง แต่ระยะหลังเปิดกว้างขึ้น กฎหมายการเลือกตั้งจึงกำหนดให้มี “ผู้ช่วยหาเสียง” ได้ เราจึงเห็นนักการเมืองกลายเป็นผู้ช่วยหาเสียงอยู่กันมากหน้าหลายตา และยังมีข่าวการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในหลายจังหวัด เพราะหลายพรรคการเมืองมองว่าจังหวัดนั้นจังหวัดนี้แพ้ไม่ได้ ถือว่าเสียหน้า บางจังหวัดถือเป็นเมืองหลวงของบางพรรค บางจังหวัดฐานเสียงของบ้านใหญ่ยอมแพ้ไม่ได้ เรายังเห็นข่าวความรุนแรงเกิดขึ้นในบางจังหวัด และคาดว่าจะมีอีกหลายจังหวัดที่จะมีความรุนแรงตามมาอีก

เพราะเหตุใดตำแหน่งนายก อบจ.นี้ถึงมีความสำคัญมากกับบรรดานักการเมืองในระยะหลัง คงไม่ใช่นักการเมืองอยากเป็นนายก อบจ.เพราะอยากปฏิบัติภารกิจของ อบจ.ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าภารกิจมากเหลือเกิน แต่นักการเมืองมองว่ามันเป็นศักดิ์ศรีและบารมีในระดับจังหวัด ส่วนเรื่องค่าตอบแทนประเภทเงินเดือนนั้นไม่มากเท่า ส.ส.หรือ ส.ว. เพราะถ้าจำไม่ผิด เงินเดือนนายก อบจ.จะอยู่ประมาณ 7 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น

เหตุผลอีกประการหนึ่ง และน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญพอสมควรในการเป็นนายก อบจ. คือเรื่องของงบประมาณของแต่ละ อบจ. ซึ่งไม่เท่ากันในแต่ละจังหวัด ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนประชากรหรือพื้นที่เล็กใหญ่หรือมีความเจริญระดับไหน ปัจจัยเหล่านี้อาจตรงกันข้ามกับความรู้สึกของผู้คน เพราะหลายคนมองว่าจังหวัดใหญ่ย่อมได้งบประมาณเยอะ แต่ไม่เสมอไป เพราะหลายจังหวัดคนทั่วไปมองว่าไม่ใช่จังหวัดใหญ่ กลับได้งบประมาณมาก โดยเฉพาะหลายจังหวัดทางภาคอีสาน เนื่องด้วยยังไม่เจริญมาก ยิ่งให้งบประมาณมากเพื่อไปพัฒนา แต่บางจังหวัดเช่นปริมณฑล คนอาจคิดว่าคงได้งบประมาณมากเพราะการแข่งขันรุนแรง แต่เมื่อดูตัวเลขแล้วงบไม่มากอย่างที่คิด เช่น จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนครปฐม จังหวัดเหล่านี้ได้งบ อบจ.ไปปีละระดับร้อยล้าน ส่วนจังหวัดทางภาคอีสานได้งบ อบจ.ไปจังหวัดละเป็นพันล้าน

ADVERTISMENT

ปัจจัยอีกประการหนึ่งซึ่งคนทั่วไปอาจไม่รู้ แต่เป็นที่รู้กันในหมู่นักการเมืองโดยเฉพาะพวกบ้านใหญ่ต่างๆ เพราะเป็นที่รู้กันว่างบประมาณมีได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ งบประมาณอุดหนุนทั่วไป และงบประมาณอุดหนุนเฉพาะกิจ ซึ่งงบประเภทหลังนี้จะมีส่วนสำคัญ บางจังหวัดงบทั่วไปไม่มาก แต่ด้วยบารมีนักการเมืองประเภทบ้านใหญ่สามารถประสานกับนักการเมืองระดับประเทศ หรือข้าราชการระดับอธิบดีหรือปลัดกระทรวงได้ ก็จะได้งบอุดหนุนเฉพาะกิจนี้ไปจำนวนมาก มากจนหลายจังหวัดที่ไม่มีคอนเน็กชั่นอิจฉาตาร้อนไปตามๆ กัน เราลองมาดูกันว่างบประมาณของ อบจ.ปี 2567 ในจังหวัดสำคัญๆ นี้มีเท่าไหร่ (ดูตาราง)

หน่วย : บาท

งบประมาณดังกล่าวถูกจัดสรรโดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นต้นสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้นำเสนองบประมาณ ดังนั้น การที่ อบจ.แต่ละแห่งจะได้รับงบประมาณมากหรือน้อย ความสัมพันธ์ของนักการเมืองท้องถิ่นและนักการเมืองระดับประเทศจึงต้องสัมพันธ์กันในการดึงงบประมาณมาสู่หน่วยงานของตน ดังนี้ หวังว่าผู้อ่านคงเข้าใจแล้วว่าบ้านใหญ่นั้นสำคัญอย่างไร

ADVERTISMENT

ส่วนงบประมาณประจำแต่ละปีนั้นจะนำไปทำอะไรบ้าง โดยหลักแล้วก็จะเขียนเป็นแผนการใช้จ่ายไว้สวยหรู ตัวอย่างเช่น ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิต ยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยว ยุทธศาสตร์การจัดการศึกษา และยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์กร ซึ่งสัดส่วนแต่ละด้านจะไม่กำหนดตายตัวว่าแต่ละยุทธศาสตร์จะต้องมีสัดส่วนเท่าไหร่ เพราะหากกำหนดมากไปจะกลายเป็นขาดความอิสระ ดังนั้น บรรดานายก อบจ.จึงไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาว่าเมื่อได้เงินมาแล้ว อันดับแรกคือ หักเป็นค่าใช้จ่ายประจำ ได้แก่ บรรดาเงินเดือนของพนักงานหรือลูกจ้างไปเท่าไหร่ ซึ่งบรรดาโครงการด้านต่างๆ ของ อบจ. ก็หนีไม่พ้นพวกงานก่อสร้างต่างๆ เพราะแต่ละโครงการสามารถประมาณการได้สูงและมีช่องว่างให้ยืดหยุ่นได้ง่าย ภาษาราชการเขาเรียกโครงการเหล่านี้ว่า “โครงสร้างพื้นฐาน” โครงการเหล่านี้เมื่อประกาศเงื่อนไขและประกาศต่อสาธารณชนแล้ว ผู้ที่สนใจก็จะเป็นบรรดาผู้รับเหมาในแต่ละจังหวัด และถึงแม้จะคนละจังหวัดแต่ก็คุ้นเคยธรรมเนียมปฏิบัติได้เป็นอย่างดี ดังนั้น หากหาประโยชน์และเจรจาพูดคุยจึงสามารถทำได้โดยง่าย ที่สำคัญและพบเห็นได้โดยง่าย คือการประกาศจัดซื้อจัดจ้าง ประเภท “ตกลงจ้าง” ซึ่งสมัยก่อนกำหนดวงเงินไว้ไม่เกิน 2 แสนบาท แต่ระยะหลังมีการเปลี่ยนเกณฑ์ตัวเลขที่สามารถทำการตกลงจ้างได้ โดยเปลี่ยนเป็นไม่เกิน 5 แสนบาท เราจึงเห็นโครงการหลายโครงการของ อปท.ขนาดใหญ่อย่าง อบจ. ประกาศโครงการอยู่ในวงเงินไม่เกิน 5 แสน คือ 499,999 บาท เพื่อจะได้ตกลงจ้างได้นั่นเอง 

ผู้เขียนเขียนมาหลายตอนแล้ว หวังว่าผู้อ่านคงมีความเข้าใจเรื่องราวของ อปท. รวมถึงบทบาทหน้าที่ และความสำคัญของ อบจ.ไม่มากก็น้อย ในทางวิชาการและตัวอย่างจากหลายประเทศทำให้เราเห็นว่าการพัฒนาประเทศของหลายประเทศที่เจริญแล้ว อาศัยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นสำคัญ แต่เมื่อมาถึงบ้านเรากลับกลายเป็นแหล่งโอกาสให้นักการเมืองมาหาประโยชน์และกระทบชิ่งไปยังการบริหารระดับประเทศ แต่ก็หวังว่าประชาชนอย่างเราอย่าสิ้นหวัง เพราะถ้าแนวความคิดการกระจายอำนาจนี้ดีจริง ขอให้พวกเราไปเลือกคนดีๆ เข้าไปบริหาร วันหน้าหาก อปท.ประเภทนี้ดีจริง เราอาจจะเห็นการเลือกตั้ง
“ผู้ว่าฯ” ในทุกจังหวัดก็เป็นได้

ผศ.ดร.เพ็ชรัตน์ ไสยสมบัติ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต คณะสังคมศาสตร์

     

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image