ผู้เขียน | สมหมาย ปาริจฉัตต์ |
---|
ติดหล่ม มืดแปดด้าน
คณะกรรมการแพทยสภาประชุมลงมติยืนยันมติเดิม ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่ให้การดูแลและส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
ส่งผลให้การวีโต้ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ไม่ได้ผล ไม่ได้รับการยอมรับ
กรณีนี้ไม่ได้สะท้อนเพียงแค่มิติทางจริยธรรมวิชาชีพเพียงประการเดียว แต่สะท้อนมิติทางการเมืองอย่างชัดเจน
มีเสียงเรียกร้องตามมาให้ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ รวมตัวกันขับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ลาออกจากตำแหน่ง
ความเคลื่อนไหวนี้จะจุดติดหรือฝ่อลง จนเงียบหายไปในที่สุดก็แล้วแต่
ที่แน่ๆ ส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่อง ต่อไปจนกว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการปรับคณะรัฐมนตรี การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลใหม่ หรือการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ก็ตาม
การปรับคณะรัฐมนตรี ความเคลื่อนไหวในพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อไทยแกนนำ ภูมิใจไทยอันดับสอง การต่อรอง แลกเปลี่ยนกระทรวงยังไม่สามารถหาจุดลงตัวได้
ฝ่ายหนึ่งประกาศตัวพร้อมเป็นฝ่ายค้าน แต่อีกฝ่ายยังไม่พร้อมที่จะขับออกหรือเปลี่ยนขั้ว จึงต้องทุลักทุเลกันต่อไป
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติเกิดความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรง 18 ส.ส.ลูกพรรครวมตัวกันกดดันหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ถึงขั้นเสนอให้นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงเก้าอี้พรรคของตัวเอง
ล่าสุดนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย คาดว่าสัปดาห์นี้เรื่องการปรับ ครม.จะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่อาจยังไม่เสร็จสิ้น
จะเสร็จสิ้น ยุติลงได้ง่ายๆ อย่างไรล่ะครับ ในเมื่อสถานการณ์แวดล้อมทั้งภายใน ภายนอก กดดันต่อรัฐบาลอย่างหนักหน่วง ยังดำเนินต่อไป ไม่เห็นวันสิ้นสุด
ปัญหารุมเร้าทั้งตัวนายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ดำรงอยู่รอบด้าน
ทั้งประเด็นส่วนตัวถูกร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการ ป.ป.ช. หลายเรื่อง
ปัญหางาน การต่อต้านของแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ เหตุการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา
จุดยืน ต่อนโยบายโครงการสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ยังค้างคาวาระอยู่
รอเข้าสู่เวทีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง เมื่อสมัยประชุมใหม่จะเปิดตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม นี้
ที่สำคัญ การเจรจาต่อรองเรื่องภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐ ยังไม่มีการกำหนดวัดนัดหมายที่ชัดเจน ขณะที่เส้นตายกำลังคืบคลานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ต้นเดือนกรกฎาคมนี้
ปมประเด็นร้อน รายล้อมต่างๆ เหล่านี้ ทำให้สภาพการณ์ของรัฐบาลแพทองธาร ไม่ต่างกับจมปลัก ตกอยู่ในหล่มหลุม ซึ่งหาทางออกยากลำบาก
ไม่ว่าจะเลือกหนทางใดก็แล้วแต่ สะบัดก้นลุกจากเก้าอี้ ลาออกจากตำแหน่งและหานายกฯใหม่ ปรับคณะรัฐมนตรี ยุบสภา
มืดแปดด้าน อึดอัด ขัดข้อง ไปหมด
โดยเฉพาะกรณีการเจรจากับสหรัฐ เป็นห่วงผูกคอที่หนักหน่วง
ลาออกก็จะถูกกล่าวหา ตำหนิติเตียน ว่า ไร้ความรับผิดชอบ ปล่อยให้เรื่องร้อน เรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ คอขาดบาดตาย ค้างคาเป็นภาระให้กับคนอื่น ที่จะมารับหน้าที่ต่อ
ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไร้ฝีมือ ความสามารถ อ่อนด้อยประสบการณ์ จากฝ่ายต่อต้านยังคงดำรงอยู่ต่อไปเช่นเดิม
ปรับคณะรัฐมนตรีก็ติดขัด ต้องเปลี่ยนตัวบุคคล หัวหน้าคณะและทีมเจรจากับสหรัฐเป็นคนใหม่ ทีมใหม่ หรือให้คนเดิม คณะเดิมทำหน้าที่ต่อไป
ถ้าเป็นประการหลังก็ไม่สามารถปรับตำแหน่งแห่งหนของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้
การปรับคณะมนตรีถ้าเกิดขึ้นจริงภายในเร็ววันนี้ จะกระทบต่อกำหนดเวลาการเจรจาให้ยืดเยื้อต่อไปหรือไม่
ขณะที่อัตราภาษีนำเข้าใหม่ใกล้ถึงกำหนดเวลาใช้บังคับแล้ว ผู้ส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐต้องรับความเสี่ยงต่ออัตราภาษีสูงถึง 36% จะล่มจมกันไปตามๆ
ถ้าจะเลือก ยุบสภา ล้างไพ่ เพื่อจัดเลือกตั้งใหม่ ถึงวันนี้ ยิ่งเป็นทางเลือกที่ตีบตันลงไปทุกทีเช่นกัน
เพราะสถานภาพรัฐบาลจะเปลี่ยนเป็นรัฐบาลรักษาการในทันที กระทบต่อการเจรจาต่อรองกับสหรัฐซึ่งให้น้ำหนักการเจรจากับรัฐบาลถาวรเป็นหลักมากกว่า
ต้องชะงักงันต่อไปอีกนานหลายเดือน จนกว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นและได้รัฐบาลถาวรชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่
การเลือกเอาตัวรอดด้วยการยุบสภา จะทำให้ประเด็นการเจรจาภาษีไทยสหรัฐ เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
ที่สำคัญเงื่อนไขทางการเมืองภายใน ความนิยมของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทรุดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งยุบสภาโอกาสเก้าอี้หาย พ่ายแพ้ยิ่งสูง
ยุบสภาในสภาวะมืดมน ตกต่ำ ย่ำแย่ จึงเท่ากับฆ่าตัวตายทางการเมือง เท่านั้น
ท่ามกลางสภาวะเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม น่าเห็นใจทั้งสิ้น
ความขัดแย้งภายในใจระหว่างยืนหยัดอยู่สู้ต่อไป กับ ยอมลงจากหลังเสือ คงเกิดขึ้นเป็นระยะๆ
แม้ในใจจะเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า แค่ไหน ต้องปากแข็งไว้ก่อน อยากหยุดแต่ก็หยุดไม่ได้
เพราะอะไร เพราะใคร ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับเจ้าตัว ล่ะครับ