การบริหารการผลิต
เมื่อเราพูดถึง “ความสามารถในการแข่งขัน” หลายคนคิดถึงหลักการของ “การบริหารการผลิต” โดยหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของ “การลดต้นทุน” เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น
ทุกวันนี้ ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะซึมเซา หรือสภาพการแข่งขันทางธุรกิจอุตสาหกรรมดุเดือดรุนแรงมากเพียงใด ผู้บริหารยิ่งจะต้องหาวิธีการลดต้นทุนให้มากขึ้น เพื่อที่จะใช้ “กลยุทธ์ด้านราคาขาย” เป็นเกมการต่อสู้กับคู่แข่ง
เราอาจพูดกันแบบเข้าใจได้ง่ายๆ ว่า กำไรของธุรกิจนั้น จะเกิดจากการเอาราคาขายของสินค้าลบด้วยต้นทุนการผลิตของสินค้านั้นๆ (กำไร = ราคาขาย-ต้นทุน)
ในยุคที่ตลาดเป็นของผู้บริโภคหรือลูกค้าเช่นทุกวันนี้ ราคาขายของสินค้าหรือบริการจะถูกควบคุมกันเองโดยคู่แข่งในตลาด สินค้าที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน ใครตั้งราคาขายได้ถูกกว่าก็จะได้เปรียบ เพราะจะดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้มากกว่า
สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจอุตสาหกรรมมีกำไร (ในระดับที่น่าพอใจ) เพื่อความอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน ก็คือ ความสามารถในการลดต้นทุนการผลิต (Cost Reduction) ใครสามารถลดต้นทุนการผลิตได้มากกว่ากัน ใครมีมาตรการรัดเข็มขัดที่มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ก็จะยิ่งได้เปรียบ ยิ่งมีกำไรมากขึ้นเท่านั้น
จุดที่เราจะลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลทันตา ก็คือ ในพื้นที่การทำงานเกิดขึ้นจริง เช่น โรงงาน สายการผลิต ในพื้นที่ปฏิบัติการ ในสำนักงาน เป็นต้น
การลดต้นทุนในความหมายที่แท้จริง ก็คือ การตัดลดค่าใช้จ่ายหรือความสูญเสียต่างๆ ในกระบวนการผลิต (Production Process) ให้หมดไปหรือให้เหลือน้อยที่สุด โดยยังสามารถรักษาระดับคุณภาพให้เท่าเดิมได้ หรือการสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ลดลงควบคู่ไปกับการสามารถเพิ่มคุณภาพของสินค้าหรือบริการให้สูงขึ้นด้วย
การลดต้นทุน จึงไม่ใช่การปรับ หรือปลดลดพนักงานออกตามที่นิยมทำกัน ซึ่งควรเป็นมาตรการสุดท้าย หลังจากใช้มาตรการอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล
การบริหารการผลิตในวันนี้ จึงไม่ใช่เพื่อการลดต้นทุนการผลิตเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการปรับปรุงกระบวนการผลิต การสร้างคุณภาพสินค้าหรือบริการ การเสริมสร้างความปลอดภัย สุขภาพอนามัยและการป้องกันปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ทุกวันนี้ การบริหารการผลิต จึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการบริหารการเงิน และการบริหารการตลาดครับผม !
