ช่วงนี้การเมืองกำลังคึกคัก นักการเมืองอยู่ระหว่างแต่งตัว มีการดึงตัว เสนอตัว ตั้งราคาและเงื่อนไขเพื่อย้ายสังกัด ทั้งยังมีการเจรจาจับขั้วระหว่างกลุ่มการเมือง
เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกก็จะเป็นไปตามโรดแมปคือ เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
คสช.และรัฐบาลที่เป็นผู้บริหารประเทศ ก็หวังว่า การเลือกตั้งจะเกิดการเปลี่ยนแปลง หลังมีปรับแก้กฎกติกาใหม่
มีเสียงเรียกร้องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้ “คนรุ่นใหม่” เข้ามาช่วยสร้างสรรค์ประเทศ
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็เชิญชวน “คนรุ่นใหม่” เข้ามาร่วมกันพัฒนาประเทศเช่นกัน
แต่ในความเป็นจริงที่เห็นคือ กลุ่มการเมืองที่ยื่นขอจดตั้งพรรคใหม่ และเปิดตัวพรรคใหม่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่หันกลับมาเล่นการเมืองใหม่ หรือหน้าใหม่ทางการเมืองแต่อายุไม่น้อยแล้ว จึงไม่ใช่คนรุ่นใหม่ที่ คสช.และรัฐบาลกวักมือเรียก
คนหรือกลุ่มการเมืองที่ประกาศหนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อ ก็ไม่ใช่คนรุ่นใหม่
ความหวังที่จะเห็น “คนรุ่นใหม่” เข้ามามีส่วนร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทย จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
นอกจากนี้ คสช.และรัฐบาล ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เล่นการเมืองย้อนยุค จากกรณี ครม.มีมติแต่งตั้ง สนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายการเมือง และ อิทธิพล คุณปลื้ม น้องชายนายสนธยา เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กล่าวหาว่า เป็นการ “ตกเขียว” หรือมัดจำทางการเมือง
คสช.และรัฐบาล ยังถูกกล่าวหาเรื่อง “ปากว่าตาขยิบ”
คือ พูดอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง หรือต่อหน้าทำอย่างหนึ่ง แต่ลับหลังทำอีกอย่างหนึ่ง หรือมีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับที่พูด
บอกว่า เข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้ง เขาก็หาว่า เข้ามายึดอำนาจการปกครองประเทศที่มาจากประชาชน และต้องการสืบทอดอำนาจต่อ
บอกว่า ไม่ใช่คู่ขัดแย้งทางการเมือง เขาก็หาว่า เป็นการสร้างความขัดแย้งเพิ่ม และเพิ่มความขัดแย้งเป็น 3 กลุ่ม
บอกว่า ไม่ใช่นักการเมือง เขาก็หาว่า มีพฤติกรรมเหมือนนักการเมือง บางเรื่องบางอย่างยังน่ากลัว ว่านักการเมือง
การลงพื้นที่เพื่อติดตามนโยบาย รับทราบและแก้ปัญหาให้กับกลุ่มจังหวัดต่างๆ พร้อมกับเชิญตัวแทนนักการเมืองในพื้นที่มาพูดคุยเพื่อเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาให้กับรัฐบาล เขาก็หาว่า ไปหาเสียง และเป็นการเดินสายเพื่อจับมือกับกลุ่มการเมืองให้มาสนับสนุน
บางโครงการของรัฐบาลที่เป็นโครงการพัฒนา หรือช่วยเหลือประชาชน เขาก็หาว่า ไม่ต่างจากประชานิยม
บอกว่า จะไม่สืบทอดอำนาจ เขาก็หาว่า ความตั้งใจชัดเจน ตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญที่เปิดช่องให้มีนายกฯคนนอก
พร้อมปูทางสะดวกไว้ในกฎหมายลูก 4 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง
ทั้งยังมีคนใน คสช.และรัฐบาลบางคน ที่เดินสายพูดคุยกับนักการเมืองเกี่ยวกับการตั้งพรรคการเมือง
ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกเยอะแยะ ที่คำพูดของ คสช.และรัฐบาล จะถูกโต้แย้งหรือกล่าวหาในทางตรงกันข้าม
ประชาชนจึงต้องระวังในการรับข้อมูลข่าวสาร ใช้วิจารณญาณในการรับฟัง ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนโกหก ใครพูดจริง ใครโกหก
แต่คนที่ชอบโกหกก็ต้องระวังเช่นกัน เพราะหากโกหกจนเคยชินและกลายเป็นนิสัย วันหนึ่งก็อาจจะโกหกตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่า ตัวเองกำลังโกหก
ทรงพร ศรีสุวรรณ
