สถานีคิดเลขที่ 12 : คนรุ่นใหม่ในพรรคเก่า : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

พลังคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งกำลังจะเข้าร่วมใช้สิทธิทางการเมืองครั้งแรก หลังจากการเลือกตั้งในครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2554 นั้น เป็นจุดน่าสนใจ ด้วยจะมีมากมาย 5-6 ล้านเสียง

ถือเป็นพลังที่มีจำนวนไม่น้อยเลย และเป็นกลุ่มคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นอนาคตของประเทศชาติอย่างแท้จริง

ด้วยความที่ประเทศไทยเรา มีการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 แล้วทิ้งช่วงไปยาวนาน หากนับไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ ถ้าเป็นไปตามคำสัญญาของ คสช. ก็คงต้นปี 2562

นั่นเท่ากับเกือบ 8 ปีเลยทีเดียว

Advertisement

ความจริง ในปี 2556 ซึ่งเกิดวิกฤตม็อบ แล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมยุบสภา เพื่อเปิดให้เลือกตั้งใหญ่ในต้นปี 2557

ถ้าวันนั้นแกนนำม็อบ เลือกแนวทางรักษาประชาธิปไตย โดยให้ประชาชนทั้งประเทศ ได้ร่วมกันตัดสินใจอนาคต เราก็คงได้มีการเลือกตั้งในต้นปี 2557 ระบบการเมืองที่อำนาจอยู่ในมือชาวบ้าน ยังเดินหน้าต่อไป

แต่ลงเอยเกิดปฏิวัติรัฐประหารแทน เพราะอยากปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ซึ่งขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง ทั้งการฉุดการเมืองให้ถอยหลัง ไม่สอดคล้องอะไรเลยกับข้ออ้าง การปฏิรูปการเมืองให้ก้าวไปข้างหน้า

Advertisement

เหมือนปากบอกว่าจะไปข้างหน้า แต่จริงๆ เดินถอยหลังไปเรื่อย

เอาเป็นว่า ถ้าต้นปี 2562 มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น โดยไม่เลื่อนอีก เราจะได้เห็นคนหนุ่มสาว 5-6 ล้านคน เข้าสู่การเมืองในวิถีทางที่คนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมปกครองประเทศ

อยู่กับความคิดที่แตกต่างได้ ถกเถียงโต้แย้งกันได้ มีกติกาการแก้ปัญหาด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยอำนาจของคณะผู้ถือปืน

เพื่อร่วมผลักดันสังคมให้หลุดพ้นวงจรล้าหลัง เลิกเสียทีขัดแย้งหรือเห็นต่าง แล้วเดินขบวนเรียกหารถถังออกมายึดอำนาจ นั่นมีแต่ทำให้เราล้าหลังไปเรื่อย

แต่ก็น่ายินดีด้วยมีสัญญาณที่ดีว่า คนรุ่นใหม่ตื่นตัวและกระหายกับการเข้าสู่ประชาธิปไตย พร้อมจะเข้าสู่การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

เช่น การเกิดของพรรคอนาคตใหม่ โดยคนยุคใหม่ การเมืองแนวใหม่ และเสียงตอบรับจาก คนวัยหนุ่มสาว ปัญญาชน เป็นไปอย่างกว้างขวาง

ผลโพลกี่ครั้งกี่หน เป็นต้องมีชื่อ พรรคอนาคตใหม่และหัวหน้าพรรค ติดอันดับนิยมระดับต้นๆ ทุกครั้ง

ไม่มีนักการเมืองอาชีพรุ่นเก่า ไม่มีระบบหัวคะแนน แต่มาด้วยกระแส และสอดรับกับโลกยุคดิจิทัล สังคมของคนรุ่นใหม่จริงๆ

ปรากฏการณ์นี้ จึงทำให้เราได้เห็น ลุงตู่ดิจิทัล ราวกับจะเข้ามาชนกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับเขาด้วย

ได้เห็นพรรคใหญ่ๆ แทบทุกพรรค ต้องมีทีมผู้สมัครเลือดใหม่ ต้องมีเจเนอเรชั่นใหม่ลงสนาม

ย่อมขึ้นอยู่กับพรรคนั้นๆ ว่ามีแนวทางสอดรับกับคนรุ่นใหม่ๆ จริงๆ หรือแค่เห็นว่ามีพื้นที่ก็ต้องหาเด็กหน้าใสๆ เข้ามาแต่งตัวลงสมัครด้วย

แน่นอนคงไม่ใช่แค่พรรคอนาคตใหม่พรรคเดียว ที่ยึดครองคนรุ่นใหม่ได้ทั้งหมด พรรคการเมืองแนวเสรีประชาธิปไตย แนวคิดใหม่มองไกล ก็มีอยู่

แต่พรรคที่มีคนรุ่นใหม่ ต้องอยู่ภายใต้แนวทางของพรรคอนุรักษนิยมล้าหลัง คลั่งไคล้อำนาจนอกระบบ ก็คงคล้ายภาพเยาวชนแดง ยุวชนเรดการ์ด อะไรแบบนี้มากกว่า

เราอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน การเมืองมีพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ แต่ที่สำคัญพรรคสังกัดต้องมีเนื้อแท้มุ่งสู่สังคมยุคใหม่จริงๆ ด้วย

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image