ตั้งญาติโยม

ขั้นตอนทางการเมืองที่ตีคู่มาพร้อมกับการเลือกตั้งขณะนี้ คือการแต่งตั้งวุฒิสมาชิกของ คสช. จากรายชื่อ 400 คน คสช.จะคัดให้เหลือ 194 คน

พอเริ่มมีรายชื่อบุคคลปรากฏออกมา ก็เกิดเสียงวิจารณ์อย่างอื้ออึงจากการจับสังเกตว่า มีคนใกล้ชิดสมาชิกระดับบิ๊กของ คสช. ปรากฏอยู่ในรายชื่อบุคคลที่จะคัดเป็น ส.ว.อยู่จำนวนมาก

พอนักข่าวไปถามเข้า ได้คำตอบว่า ไม่ตอบ เพราะจะไม่ให้สื่อไปเขียนข่าวดราม่าเป็นอันขาด

ตอบซะแบบนี้คุ้นๆ ว่าคล้ายละครดราม่าที่มีพระเอกมาดเข้มแนวเผด็จการสั่งทุกคนให้หยุดถาม ถึงไม่อยากจบก็ต้องจบ

Advertisement

ส.ส.อาจเป็นเรื่องของประชาชน แต่ ส.ว.ไม่ใช่ ถึงอยากเกี่ยวข้องกับการคัดสรร ส.ว.อย่างไร ก็คงไม่มีตะขอใดๆ ให้เกี่ยวได้

ความจริงแล้ว การที่ผู้มีอำนาจเลือกใช้คนที่รู้จักนิสัยใจคอและไว้ใจได้ ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย หลายๆ ประเทศก็มีตัวอย่างอยู่

กรณีที่เพิ่งเป็นข่าวออกมาจากประเทศจีน คือลูกชายคนเดียวของ นายหู จิ่นเทา อดีตประธานาธิบดี ชื่อ นายหู ไห่เฝิง แม้ว่าอายุเพียง 46 ปี แต่กลับผงาดขึ้นมานั่งตำแหน่งหัวหน้าสาขาพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำเมืองซีอาน มณฑลส่านซี พร้อมทั้งนั่งเก้าอี้คณะกรรมาธิการถาวรระดับมณฑลของพรรคคอมมิวนิสต์

Advertisement

ตำแหน่งที่ว่านี้เท่ากับเริ่มปูทางสู่การเป็นคนใหญ่คนโตต่อไปในพรรคคอมมิวนิสต์ เพราะเมืองซีอานเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เต็มไปด้วยโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งของจีนและของโลก อีกทั้งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของภาคตะวันตกเฉียงเหนือ

การก้าวสู่ตำแหน่งสำคัญของนายไห่เฝิง จึงถูกมองว่ามาไกลขนาดนี้เพราะเป็นลูกชายอดีตผู้นำประเทศ

แต่ก็มีอีกข้อสังเกตว่า การมานั่งเมืองซีอานที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อตาล่อใจนั้นจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญด้วยว่า ลูกชายนายหู จิ่นเทา จะรับมือได้ดีเพียงใด ไม่ให้ซ้ำรอยผู้บริหารท้องถิ่นของเมืองซีอานก่อนหน้านี้ที่ถูกสอบสวนทุจริตโขยงใหญ่ ตามนโยบายปราบโกงของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

การตรวจสอบของพรรคคอมมิวนิสต์ที่มีประชาชนเป็นรากฐานก็ดูจะดุดันและเข้มข้น เพียงแต่ไม่เปิดเผยชัดเจนเหมือนกับชาติประชาธิปไตย

สำหรับชาติประชาธิปไตย การนำเอาญาติโยมมานั่งตำแหน่งสำคัญใช่ว่าจะไม่มี ที่ชัดเจนมากคือยุคล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดึงทั้งลูกสาวและลูกเขยเข้าไปเป็นที่ปรึกษาอยู่ในคณะรัฐบาล

โดยเฉพาะลูกเขย จาเร็ด คุชเนอร์ เป็นคนดูกิจการตะวันออกกลางที่มีความสำคัญด้านการเมืองระหว่างประเทศกับสหรัฐ

แน่นอนว่า การตัดสินใจนี้ของนายทรัมป์เป็นเรื่องที่ถูกจับตาอยู่มากพอกับเรื่องอื่นๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นล้ำเส้น เนื่องจากฝ่ายบริหารที่มาจากการเลือกตั้งก็มีอำนาจและสิทธิที่จะคัดเลือกคนมาทำงานใกล้ชิดตนเองได้สะดวกและไว้ใจ ขณะที่มีอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ สื่อมวลชน และองค์กรอิสระคอยตรวจสอบว่ามีอะไรตุกติก ไม่ชอบมาพากลหรือไม่

ดังนั้นต่อให้เป็นญาติโยม ถ้าอยู่ในสังคมประชาธิปไตยก็ตรวจสอบกันไปแต่ถ้าไม่ใช่ประชาธิปไตย ประชาชนจะไปทำอะไรได้นอกจาก..ทำใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image