สถานีคิดเลขที่ 12 : จะนอกลู่นอกทางอีกแล้ว

ยังไม่ทันนับจำนวน ส.ส.ได้ครบ ยังไม่ทันได้เห็นกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นรูปเป็นร่างเลย ที่สำคัญเพิ่งเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศไปไม่นานนัก ยังไม่ถึงเดือนเลย จู่ๆ ก็เกิดกระแสผลักดันให้มีรัฐบาลแห่งชาติ รวมไปถึงการหานายกรัฐมนตรีจากคนนอก ขึ้นมาเสียแล้ว

แถมก็มีกระแสขานรับอยู่ไม่น้อยเลย โดยหวังว่าจะเป็นทางออกพิเศษที่จะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นมากขึ้น

แต่ถ้ามองให้รอบคอบรอบด้านจะรู้ว่านั่นเป็นทางออกที่ไม่ถูกไม่ควร ซึ่งจะทำให้การเมืองเราวนไปวนมา ไม่เดินไปข้างหน้าเสียที

ไม่ควรเดินหน้าไปนิด แล้วถอยหลังกลับหน่อย ขยับไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วถอยหลังอีกสิบก้าว อะไรแบบนั้น

Advertisement

ผู้ที่ยึดหลักการประชาธิปไตย และบรรดาแกนนำพรรคการเมืองทั้ง 2 ซีก 2 ขั้ว พากันออกมาแสดงท่าทีไม่ยอมรับข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติและนายกฯคนนอกนี้อย่างเด็ดขาด

เพราะเท่ากับไม่เคารพเสียงประชาชนที่เพิ่งเดินเข้าคูหาไปกาบัตรเลือกตั้ง

เสียงของชาวบ้าน ที่เลือกนักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ

Advertisement

แม้ว่าผลออกมาจะทำให้สถานการณ์ออกมาในแนวก้ำกึ่งกัน จนทำให้ยากต่อการจัดตั้งรัฐบาล

แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ภายใต้คะแนนเสียงที่ประชาชนตัดสินแล้วนี้

ไปจนถึงตัวนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องอยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคการเมืองต่างๆ นำเสนอให้ประชาชนรับทราบและตัดสินใจในวันเลือกตั้ง

ควรเดินไปตามครรลองประชาธิปไตยเช่นนี้

งวดนี้ผลออกมาอาจไม่ถูกอกถูกใจใครหลายคน แต่ก็ต้องให้ทุกพรรคพิสูจน์ตัวเองไปตามกระบวนการปกติ

เช่น ใครได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล อีกขั้วก็ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน

ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วเศรษฐกิจเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา แถมรัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ เต็มไปด้วยโครงการเละเทะเลอะเทอะ เจอฝ่ายค้านที่ตรวจสอบได้เก่งกาจ แบข้อเท็จจริงออกมาให้ประชาชนได้เห็นกันทั่ว

รับรองเลือกตั้งครั้งหน้า คะแนนคงไม่ออกมาแบบสูสีอีกแล้ว

แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า กระแสรัฐบาลแห่งชาติและนายกฯคนนอก มีการอธิบายเหตุผลประกอบเอาไว้ว่า เพราะกระบวนการเลือกตั้งครั้งนี้ เต็มไปด้วยปัญหา สร้างความไม่เชื่อมั่นให้เกิดขึ้นอย่างมากมาย อีกทั้งยังมีบางขั้วอ้างเหตุผลที่จะขอเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล โดยไม่เคารพกฎกติกาที่เคยยึดถือกันมาตลอด

คล้ายกับจะอธิบายว่า ความวุ่นวายอลหม่านในการเลือกตั้งที่ประชาชนบ่นกันพึมในวันนี้ จนกระทั่งที่กำลังจะส่อเค้าเดือดหนักในช่วงตั้งรัฐบาลในระยะอันใกล้

จึงเห็นควรว่าต้องหาทางออกใหม่ เพื่อยุติปัญหาไปพลางก่อน

ฟังดูก็เข้าใจได้ และหลายคนก็รู้สึกตรงกับกระแสที่จุดพลุกันในเวลานี้

เพียงแต่ ถ้าเอาวิธีพิเศษมาจัดการปัญหากันอีก ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามวิถีทางปกติ โดยประชาชนต้องมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเมือง เรียนรู้การเมือง และยกระดับการเมือง

ถ้าใช้อำนาจพิเศษมาหักดิบในการจัดการปัญหา ก็คือไม่เคารพประชาชน และไม่เห็นคุณค่าประชาชนผู้ใช้สิทธิใช้เสียง

เช่นนี้ย่อมเข้าทำนองเดียวกับประเภทที่เห็นว่า การเมืองมีปัญหามาก ให้เอารถถังออกมาหยุดวิกฤตก่อนดีกว่า

ลงเอยมีแต่เพิ่มวิกฤตมากขึ้น

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image