สถานีคิดเลขที่ 12 : ยุโรปๆกับไทยๆ : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

ความที่คนไทยเราหลงใหลฟุตบอลลูกกลมๆ กันอย่างกว้างขวาง ทั้งบอลในประเทศและบอลต่างประเทศ ยิ่งบอลโลก บอลยูโร บอลลีกในยุโรป ถ่ายทอดตี 2 ตี 3 ก็ถ่างตาดูไม่มีถอย โดยเฉพาะลีกของอังกฤษ ผีแดง หงส์แดง มีแฟนคลับเป็นเรื่องเป็นราวในบ้านเรามายาวนานเลยทีเดียว

หลายครั้งเรื่องราวของฟุตบอลจึงมีการนำมาใช้สื่อสารเปรียบเทียบกับเรื่องราวต่างๆ ในสังคมไทย เสมือนเรื่องใกล้ตัวเข้าใจกันได้ง่าย

ยิ่งตอนนี้การเมืองหลังเลือกตั้ง ยุ่งเหยิงอลหม่าน มีการนำเอามาเปรียบกับเรื่องราวในวงการบอลกันไม่น้อย

เช่น ผลเลือกตั้ง มีพรรคที่ได้ ส.ส.อันดับ 1 กับพรรคที่ได้คะแนนป๊อปปูลาร์โหวตอันดับ 1 ซึ่งมีการนำเอามาอ้างสิทธิเพื่อชิงตั้งรัฐบาล

Advertisement

ก็มีการนำไปเทียบกับตารางคะแนนบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่ทีมนำอันดับ 1 กับทีมอันดับ 2 คะแนนคู่คี่กันสุดขีด แต่มีผลคะแนนการแข่งขันชนะ-แพ้-เสมอ เห็นแต้มรวมชัดเจน จะเอาคะแนนนิยมหรือเอาจำนวนคนดูมาใช้อ้างไม่ได้ อะไรทำนองนี้

ล่าสุดเหตุการณ์ทีมลิเวอร์พูล สร้างปรากฏการณ์ล้มบาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปได้อย่างเหลือเชื่อ พลิกจากที่แพ้นัดแรกถึง 3 ลูก มายิง 4 ลูกรวดในนัดสอง ทำให้ทีมดังจากอังกฤษได้เข้าชิงถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกส์ แทนทีมเต็ง 1 แห่งสเปนไปในที่สุด

แน่นอนว่าผลบอลดังกล่าวเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก เพราะเป็นการพลิกสถานการณ์ที่ยากลำบากสุดกู่ แต่สามารถกลับมาเอาชนะได้ จนได้เข้าชิงถ้วยใหญ่ที่สุดของสโมสรในยุโรป

Advertisement

ในไทยเราเอง มีการหยิบยกเหตุการณ์สะท้านวงการฟุตบอลนี้มากล่าวขวัญกันยกใหญ่

เช่น นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้ทวีตข้อความถึงเหตุใหญ่ที่แอนฟิลด์ว่า เปรียบเหมือนการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยในประเทศไทย ขอให้เราเชื่อมั่นในความเป็นไปได้ หล่อเลี้ยงด้วยแรงปรารถนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ลงมือทำด้วยความหวัง โอกาสแห่งการเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นเสมอ

นำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา

เชื่อว่า คงต้องการนำมาปลุกจิตใจ ในท่ามกลางความยากลำบากของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ว่าจะชนะในสนามเลือกตั้งมาอย่างไร แต่ก็มาเจอกับอุปสรรคขวากหนามสารพัด เสียเปรียบไปทุกด้าน

จะโดนสอย จะโดนยุบ อยู่ทุกเวลานาที

เลขาธิการอนาคตใหม่ ก็คงหวังเอามากระตุ้นจิตใจไม่ให้ท้อถอย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่ลงเอยก็สามารถเป็นไปได้

แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเอาเหตุการณ์บอลยุโรป มาเร่งเร้าอารมณ์ความรู้สึก ให้เดินหน้าผลักดันประชาธิปไตยอย่างหนักแน่นอย่าได้หวั่นไหวกับกระบวนการเตะตัดขา

ในแง่นี้ก็ว่ากันไป

แต่อีกแง่หนึ่ง ต้องบอกกันด้วยว่า การแข่งขันบอลระดับยุโรปเหล่านี้ สามารถสร้างมูลค่าให้ทั่วทั้งโลกต้องดูกันงอมแงมนั้น เพราะเขามีมาตรฐานสูง

กฎกติกามารยาทเข้มแข็ง กรรมการผู้ตัดสินมีบรรทัดฐานเที่ยงธรรม เชื่อถือได้

ตัดสินอย่างไรก็จบตามนั้น ผู้เล่นไม่ต้องมาหงุดหงิดคับข้องใจว่า ทำไมทีมหนึ่งทำอะไรก็ผิดไปหมด ส่วนอีกทีมเตะนอกเกมขนาดไหนก็ถูกไปหมด

ถ้ามองแง่ความมีมาตรฐานสูงส่งเช่นนี้ คงเอามาเทียบกับการเมืองไทยและการเลือกตั้ง น่าจะไม่ได้เลยกระมัง

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image