สถานีคิดเลขที่ 12 : เสียงขู่-ยุบสภา : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

แม้ว่าการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ยังดูไม่เรียบร้อยลงตัว โดยเฉพาะการเจรจาระหว่างพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ยังติดขัดในประเด็นสำคัญ ทั้งเรื่องกระทรวงเกษตรฯ ไปจนถึงเงื่อนไขการขอแก้รัฐธรรมนูญ จนทำเอาพรรคภูมิใจไทย ที่ตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะได้กระทรวงตามที่ตั้งใจครบถ้วนแล้ว แต่ก็ยังต้องออกมาแสดงความวิตกกังวล กลัวว่าเสียงของพรรครัฐบาลจะไม่เกินครึ่งของสภาผู้แทนฯ

คงไม่ถึงขั้นกลัวว่าประชาธิปัตย์จะล้มโต๊ะ ไม่เข้าร่วม แต่คงเกรงว่าจะมาแบบไม่ครบทั้งพรรค ไม่ครบทั้ง 53 เสียง

เพราะก่อนหน้านี้พลังประชารัฐได้นำพรรคในขั้วตั้งรัฐบาล โหวตยกตำแหน่งประธานสภาไปให้ประชาธิปัตย์เรียบร้อยไปแล้ว อันแสดงว่าการร่วมมือบรรลุแล้ว เข้าขั้วพลังประชารัฐแน่ๆ แล้ว

เพียงแต่เมื่อลงในรายละเอียดข้อตกลง ก็ดังที่ทราบกันอยู่ คือยังจบไม่ได้

Advertisement

ระหว่างที่การเจรจายังไม่ลุล่วง ทั้ง 2 พรรคก็เลยมีการเคลื่อนไหวหรือออกข่าว ลักษณะกดดันกันไปมา หรือขู่กันไปมา

เช่น ฝ่ายประชาธิปัตย์ มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เรียกร้องการเป็นฝ่ายค้านอิสระ ไปจนถึงซีก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เริ่มมีข่าวออกมามากว่า จะลาออกจาก ส.ส. หรือจะของดออกเสียงในวันโหวตนายกฯ

ส่วนฟากพลังประชารัฐ ขู่แรงอย่างมาก ประกาศเลยว่า อีกไม่กี่วันจะโหวตนายกรัฐมนตรี มี ส.ว. 250 เสียงพร้อมอยู่แล้ว มี ส.ส.อีกแค่ 126 เสียง ก็ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯสบายๆ

Advertisement

ได้ตั้งรัฐบาลแน่นอน

พร้อมจะตัดพรรคที่คุยไม่รู้เรื่องออก ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนฯ ก็ยังได้ ถ้าติดขัดอะไรก็ยุบสภาเลย ไปเลือกตั้งกันใหม่

การขู่ยุบสภานั้น เพราะรู้ดีว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ยังไม่ทันหายเหนื่อยจากการหาเสียงที่ผ่านมา คงไม่มีใครอยากเลือกตั้งใหม่เร็ววันแน่

ส่วนการโชว์ 250 ส.ว.นั้น เป็นอาวุธสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ เพราะรัฐธรรมนูญนี้และบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ ออกแบบมาเพื่อพวกเรา (พลังประชารัฐ) จริงๆ

ส.ว.นี้แหละ ที่ทำให้พลังประชารัฐมีความเหนือกว่าทุกพรรคการเมือง

จะเรียกว่าพรรค ส.ว.ก็ได้ เป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

พรรค ส.ว.ทำให้พลังประชารัฐผลักดันแคนดิเดตนายกฯได้ง่ายขึ้น และกลายเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ง่ายดาย

จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนฯก็ยังได้ แล้วหากทำท่าจะไปไม่ไหวก็ยุบสภา

เพราะถ้าเลือกตั้งใหม่ ก็ยังมีความเหนือกว่าตรงที่พรรค ส.ว.ชุดนี้ มีวาระอยู่ถึง 5 ปี เลือกตั้งปีหน้าก็ยังเป็นโอกาสของ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไป

พรรคการเมืองอื่นๆ จึงมีฐานะต่ำต้อยด้อยกว่า

ยกเว้นอย่างเดียวคือ หันมาจับมือร่วมกันทั้งหมด ตามข้อเรียกร้องของพรรคการเมืองแนวร่วมประชาธิปไตย ที่จับมือกันให้ได้เกิน 375 เสียง เพื่อตัดอำนาจ ส.ว.เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.

แต่ลงเอยพรรคการเมืองทั้งหลายก็ไม่สามารถหันหน้ามาคุยกันเองได้ทั้งหมด

ซีกที่จะต้าน ส.ส.เหลือแค่ 240 กว่าเสียงเท่านั้น

อีกส่วนก็ไปร่วมกับขั้วพลังประชารัฐผนึกกับพรรค ส.ว.ร่วมโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์

การแตกแยกกันแบบร้าวลึก ทั้งในหมู่ประชาชนยันพรรคการเมือง ก็เข้าตามทฤษฎีการเมืองการปกครองที่รู้ๆ กันอยู่

มีการแบ่งแยก ก็มีการปกครองง่าย

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image