ผู้เขียน | ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์ |
---|
คําแถลงของผู้นำฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดที่ว่า “เราอยู่ในสงคราม”
ไม่ถูกตอบโต้โจมตีว่าเว่อร์เกินไป
น่าจะเป็นเพราะผลกระทบต่อนานาประเทศลุกลามไปทั่วทุกวงการ เขย่าวิถีชีวิตผู้คนอย่างถ้วนทั่ว
แม้ว่าสงครามนี้ไม่ได้คร่าชีวิตอย่างสะเทือนขวัญเหมือนสงครามที่ใช้อาวุธ ระเบิดถล่มใส่กัน แต่ไวรัสโคโรนาชนิดนี้ไม่ออกฤทธิ์ระหว่างแพร่เชื้อ จึงเป็นเหมือนศัตรูที่มองไม่เห็น
รัฐบาลหลายชาติต้องใช้มาตรการปิดประเทศ หยุดการเดินทาง พักกิจกรรมทางสังคมทุกด้าน เพื่อสกัดกั้นการระบาดของเชื้อ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างใหญ่หลวงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ดังนั้นเมื่อได้ยินผู้นำฝรั่งเศสพูดว่าเราอยู่ในภาวะสงคราม หลายๆ คนก็คงจะเห็นด้วยว่า เออ…จริง
คำพูดของผู้นำประเทศสำคัญมาก ยิ่งเกิดวิกฤตยิ่งสำคัญขึ้นไปอีก เพราะมีความหมายต่อการพยุงและประคองคนในประเทศให้ฝ่าฟันอุปสรรค รับมือและแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ
กรณีโควิด-19 องค์การอนามัยโลก (WHO) และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระดับอินเตอร์ ยกให้ นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เป็นต้นแบบที่ดี
เพราะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน บรรเทาความตื่นตระหนก ขจัดข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ
วาทะ “ความหวาดกลัวจะสร้างความเสียหายยิ่งกว่าเชื้อไวรัส” เป็นสารหนึ่งของนายกฯ ลี ที่ช่วยดึงสติประชาชนที่กำลังขวัญหาย ให้นึกได้ว่า ระหว่างที่ไวรัสก่อความเสียหายอยู่นั้น ถ้าไม่มีสติจะยิ่งเสียหายหนักขึ้น ฉะนั้นต้องระงับอารมณ์หวาดกลัวด้วย
อีกเรื่องหนึ่งคือผู้นำสิงคโปร์ย้ำว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้รุนแรงเท่ากับโรคซาร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรงที่ระบาด
เมื่อปี 2546 ฉะนั้นหากติดก็ไม่ได้หมายความว่าโลกนี้จบสิ้นแล้ว เพียงแต่ที่ต้องช่วยกันจริงจัง คือลดความเสี่ยงลง ทั้งไม่เสี่ยงรับเชื้อ และไม่เสี่ยงไปแพร่เชื้อ
คำพูดนี้เรียบง่ายแต่ตรงจุด เพราะมนุษย์เกือบทุกคนกลัวตายกันทั้งสิ้น
ส่วนที่รองลงมาหรืออาจกลัวมากกว่าคือ อดตาย ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ทุกครั้งที่ผู้นำประเทศแถลงเรื่องควบคุมโรคจะมีมาตรการทางเศรษฐกิจแนบท้ายมาด้วย
ผู้นำสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ แม้เป็นคนพูดไม่ถูกใจประชาชนหลายคน แต่แสดงความเป็นผู้นำที่แสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมเสมอ
ล่าสุดนักข่าวไปถามว่า ภาวการณ์นี้เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ แกบอกเลยว่า เป็นไปได้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างดิ่งหมด แต่หลังจากเชื้อหมดฤทธิ์ลง เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวแบบพุ่งพรวด ดังนั้นระหว่างที่ทุกคนลำบากอยู่ รัฐบาลจะช่วยเหลือด้วยงบประมาณก้อนใหญ่ หรือกรณีอุตสาหกรรมการบินกระทบหนัก รัฐจะช่วยแน่นอน
คำตอบนี้มีทั้งความจริง กำลังใจ และกระตุ้นให้ประชาชนอดทนกัดฟันสู้ คุมเชื้อให้อยู่ก่อน และอื่นๆ จะคลี่คลายเอง
สารจากผู้นำต้องชัดเจน เพราะการจะชนะสงคราม ต้องมียุทธวิธี สรรพกำลัง และมีแม่ทัพที่ดี
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์