ผู้เขียน | สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : การเมืองกลับมา : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
ที่ฮ่องกง เมื่อโควิดซา ม็อบก็กลับมาทันที เนื่องจากเดิมทีที่เคยประท้วงกันดุเดือดและยืดเยื้อยาวนานเป็นเวลากว่าครึ่งปี 2562 ที่ผ่านมา พอย่างเข้าสู่ปี 2563 การประท้วงต้องสะดุดไป เพื่อหลีกทางให้กับวิกฤตไวรัสระบาด
แต่ก็เป็นการหยุดชั่วคราว ในขณะที่ปมประเด็นการต่อสู้ยังคาราคาซังอยู่ จึงเป็นเหมือนแค่พักรบไปเท่านั้น
วันนี้ก็ได้เวลากลับมาลงสนามกันใหม่
ส่วนในไทยเรา มีแฟลชม็อบของนักศึกษา เกิดขึ้นแทบทุกมหาวิทยาลัย ลุกฮือกันยกใหญ่ในช่วงปลายปี 2562 แล้วก็ต้องหยุดพักชั่วคราวเมื่อสถานการณ์โควิดเริ่มระบาดหนักในไทยเรา
นี่ก็พักรบเช่นกัน จะกลับมาเมื่อไหร่ ต้องติดตามกันต่อไป แต่น่าเชื่อว่าคงกลับมาใหม่แน่นอน
เพราะสถานการณ์ปัญหาเดิม ยังไม่เปลี่ยนแปลง
จึงวิเคราะห์กันได้ไม่ยากว่า เมื่อปัญหาโควิดซาลงไป สถานการณ์ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจจะต้องร้อนแรงขึ้นมา
ในด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจการค้าที่ยังต้องหยุดกิจการกันเป็นส่วนใหญ่ เปิดได้บ้างก็ทำรายได้เพียงน้อยนิด ปัญหาคนตกงาน ปากท้องชาวบ้าน จะต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่กำลังจะระเบิดออกมา
แม้แต่เงินเยียวยาที่แจกจ่ายไป ก็ใกล้จะใช้จ่ายหมดแล้ว ขณะที่อาชีพการงานยังไม่กลับมา
อะไรจะเกิดขึ้น
ในส่วนการเมือง ที่แน่นอนก็คือ หลังจากสภาพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ 1.9 ล้านล้าน รวม 5 วัน จนถึงวันสิ้นเดือนนี้
เมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนมิถุนายน น่าเชื่อว่าความเคลื่อนไหวภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่ก่อคลื่นใต้น้ำมาหลายระลอก
น่าจะถึงจุดแตกหัก
การเปลี่ยนแปลงภายในพรรคการเมืองแกนนำรัฐบาล มีโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างแน่
แล้วผลจากการเปลี่ยนแปลง จะนำไปสู่ศึกใหม่ที่ใหญ่กว่าหรือไม่ เป็นเรื่องน่าคิด
ไม่แค่เปลี่ยนแปลงภายในพรรคเท่านั้น แต่จะส่งผลต่อเก้าอี้รัฐมนตรีอีก
ด้วยการปรับ ครม. ติดค้างมาตั้งแต่หลังการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีเก้าอี้รัฐมนตรีบางเก้าอี้ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดข้อมูลของฝ่ายค้าน ส่งผลให้ภายในพรรครัฐบาลเอง ก็โดดเข้าร่วมวงขยายผล เพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เสียงเพลงเก้าอี้ดนตรีเริ่มดัง คำโบราณสมบัติผลัดกันชม เริ่มอื้ออึง
ดังนั้น การเมืองในพรรครัฐมนตรี ในคณะรัฐบาล จะเริ่มร้อนแรงแน่นอน หลังโควิดซาในเดือนหน้า
รวมไปถึงกระบวนการเคลื่อนไหวของพลังคนรุ่นใหม่ แฟลชม็อบของนักเรียนนิสิตนักศึกษา ที่ยังติดพันและติดค้างกันอยู่
เหล่านี้เอง ที่นำมาสู่ข้อครหา ยังไม่เลิกใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน
ไม่ใช่แค่ควบคุมโรคภัยสาธารณสุข แต่มุ่งควบคุมการเมืองด้วย
แต่คงจะไม่สามารถใช้กฎหมายและอำนาจพิเศษนี้ไปตลอดกาลได้กระมัง
ทางคลี่คลายสถานการณ์การเมือง ยังมีอีกหลายทาง ต้องเลือกให้ถูกต้องเหมาะสม
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน