| ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
|---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : พ.ร.ก.มุ้งมิ้ง : โดย จำลอง ดอกปิก
รัฐบาลขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นครั้งที่ 5
ยาวคลุมตลอดเดือนสิงหาคม
ครั้งนี้อ้างเหตุผล ความจำเป็นเดิมๆ คือใช้เป็นเครื่องมือสกัดกั้นโควิดระบาด เนื่องจากไม่มีกฎหมายฉบับอื่นมีประสิทธิภาพเทียบเท่า
แต่ที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ ครั้งนี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด มือไม้สำคัญของรัฐบาล ยืนยันหนักแน่น จะไม่มีการใช้มาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อห้ามชุมนุมแน่นอน แต่การห้ามชุมนุมจะต้องไปปฏิบัติตามกฎหมายฉบับอื่นๆ
ที่เลขาฯ สมช.ต้องออกโรงยืนยันหนักแน่นเช่นนี้ อาจเป็นเพราะรู้ดีว่าการยืดใช้ พ.ร.ก.อีก 1 เดือน ไม่วายต้องถูกตั้งคำถาม
เป็นคำถามเดิม คำตอบเดิม แต่บนสถานการณ์ใหม่
กล่าวคือ ขณะนี้ในประเทศไม่มีเรื่องให้ต้องวิตกกังวลอีกต่อไป
เนื่องจากไม่พบการระบาด ติดเชื้อ แพร่เชื้อใหม่แม้แต่รายเดียว
หากจะมีตัวเลขสถิติเพิ่มขึ้นรายงาน ก็พบจากการตรวจคัดกรอง ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเท่านั้น
การที่ไม่มีผู้ติดเชื้อนี่เอง จึงนำมาสู่ข้อกังขาการขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.
ใครต่อใคร ไม่เชื่อว่าไม่มีวาระแอบแฝงทางการเมือง
เพราะในขณะที่ในประเทศปลอดเชื้อสนิทนั้น ที่ผุดขึ้นมาแทนที่ ลามระบาดตามหัวเมือง กลับคือแฟลชม็อบ การรวมตัวของนิสิต นักศึกษา ต่อต้านรัฐบาล
ใครจะอดสงสัยได้
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เพียงแต่เอื้อประโยชน์ต่อนายกฯ ในการรวบอำนาจบริหารอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่ต่างจากการรัฐประหารเงียบเท่านั้น
หากแต่ที่ผ่านมา ในนามของการประกาศใช้ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด และรับประกันไม่มีเป้าหมายการใช้เพื่อการเมืองนั้น
แต่ก็ยังมีการใช้ การอ้างกฎหมายฉบับพิเศษนี้ จับกุมนิสิต นักศึกษา อดีต ส.ส. ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.
ล่าสุดเมื่อไม่กี่วัน มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสาน นอกจากอ้างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว ยังระบุเพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกประกาศมหาวิทยาลัย สั่งห้ามนิสิตจัดกิจกรรมการเมืองในพื้นที่มหาวิทยาลัย
เมื่อรูปธรรมชัดเพียงนี้
ไม่มีใครหรอกเชื่ออย่างสนิทใจว่า การขยายเวลาบังคับใช้ ไม่มีเหตุผลการเมืองแอบแฝง
ไม่มีใครเชื่อว่า เมื่อยังคงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่รัฐจะไม่ใช้กฎหมายนี้จัดการม็อบ เอาผิดผู้เห็นต่าง ที่ใช้เสรีภาพชุมนุม เคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากรัฐเคยยืนยันเช่นนี้มาตลอด แต่การจับกุม คุมตัวก็เกิดขึ้นเสมอมา
เว้นแต่ จะมีรูปธรรมการไม่ใช้มาตรา 9 โดยผลของกฎหมายอย่างสมบูรณ์ ชัดเจน
ถ้าเป็นแต่เพียงลมปาก ไม่ว่าจากเลขาฯ สมช. นายกฯ หรือใครก็ตาม
ไม่มีใครเชื่ออีกแล้ว ว่าจะไม่ใช้เพื่อการปิดปาก ปิดกั้นการชุมนุมเคลื่อนไหว
แต่เหตุผลในความไม่เชื่อ ก็ยังไม่น่าวิตกกังวลเท่า การขยายการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในขณะที่สามารถคาดการณ์ ทำนายได้ว่า นับจากนี้ไป การชุมนุมมีแนวโน้มขยายวงมากขึ้น
กฎหมายเหล็กเครื่องมือพิเศษที่ไปกันไม่ได้แม้แต่น้อยกับการใช้สิทธิเสรีภาพ
อาจก่อให้เกิดการเผชิญหน้า ระหว่างฝ่ายรัฐที่เคร่งครัด ในการจำกัด ปิดกั้นการใช้สิทธิ เสรีภาพ กับฝ่ายที่ใช้สิทธิ เสรีภาพอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญเคลื่อนไหว
เพราะเมื่อบังคับใช้อยู่แล้ว การยับยั้งชั่งใจที่จะไม่ใช้กับม็อบก็มีน้อยลง
ไม่เหมือนกับที่ยังไม่นำมาประกาศบังคับใช้ ที่ต้องคิดแล้ว ทบทวนอีก ว่าสถานการณ์มันถึงขั้นต้องใช้หรือไม่ การประกาศใช้ จะเป็นเงื่อนไข นำสู่การยกระดับสถานการณ์ให้ตึงเครียดยิ่งขึ้นหรือไม่
การมี การใช้เครื่องมือที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการชุมนุมในฤดูกาลเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษาในขณะนี้จึงไม่น่าจะเป็นผลดี
หากรัฐยืนกรานบังคับใช้ ไม่ทบทวนการขยายจะต้องบริหารการใช้ให้อยู่ในกรอบขอบเขตการแก้โควิดอย่างจริงจัง
ไม่เช่นนั้น ผลของการบังคับใช้อาจจะนำไปสู่การเผชิญหน้าลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ในที่สุด
จำลอง ดอกปิก
