ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : ฟังคำตอบวัคซีน
อย่ามองว่าคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยเป็นเรื่องน่ารำคาญ
กรณีการตั้งข้อสงสัยเรื่องประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 นั้น ยิ่งถามมากยิ่งดี
และเมื่อมีคำถามก็ต้องมีคำตอบ
คำตอบหนึ่งดังมาจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
“ยืนยันว่าจะขอเป็นผู้รับการฉีดวัคซีนคนแรก วัคซีนป้องกันโควิด-19 มีการพิสูจน์และยืนยันแล้วว่าต่อให้มีประสิทธิผลเพียง 50, 60 หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ ทุกวัคซีนไม่ทำให้อาการของโรคนี้พัฒนาไปจนหนัก
ถ้าป่วยก็ไม่ป่วยหนัก และไม่พัฒนาไปถึงขึ้นทำให้เสียชีวิต
ถ้าได้รับวัคซีนแล้วอาการจะทุเลาลงต่อให้มีการติดเชื้อบ้าง เชื่อว่าในอนาคตต้องมีการปรับปรุงและมีการพัฒนาไป”
คำตอบหนึ่งดังมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
“สำหรับคนไทย ผมตัดสินใจไม่รับความเสี่ยง ผมไม่ยอมให้รีบร้อนฉีดวัคซีนที่ยังทดสอบไม่ครบถ้วน และไม่ยอมเป็นประเทศทดลอง
ดังนั้น เพื่อความรอบคอบ ผมจึงมีนโยบายสำคัญ คือ ต้องมั่นใจก่อนว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย จึงจะนำมาใช้กับคนไทยได้
ทั้งนี้ การตัดสินใจของผม และการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนของประเทศแบบครบวงจร จะมีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติคอยให้คำปรึกษาและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด”
อีกคำตอบหนึ่งดังมาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นพ.สุทธิชัย วิสุทธิชัยกิจ อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คุณหมอสุทธิชัยกล่าวถึงวัคซีนจากบริษัท ซิโนแวค ประเทศจีน ที่ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องประสิทธิภาพ
“หากพิจารณาจากตัวเลขการใช้งานในประเทศบราซิล พบว่าวัคซีนโควิด-19 ของ
ซิโนแวคสามารถป้องกันการเกิดภาวะโรคที่มีอาการได้ถึงร้อยละ 78 ถือว่ามีประสิทธิภาพ
สำหรับตัวเลขร้อยละ 50 ที่กำลังพูดถึงกันอยู่ในขณะนี้ เป็นการบ่งบอกประสิทธิภาพในการป้องกันผู้ติดเชื้อ ทั้งผู้ที่มีอาการหรือไม่มีอาการ ถือเป็นธรรมชาติของวัคซีน”
คุณหมอสุทธิชัยบอกว่า ขนาดวัคซีนไข้หวัดหมูในปี 2009 มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อทั้งผู้ที่แสดงและไม่แสดงอาการเพียงร้อยละ 40-60 เท่านั้น
เมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ป้องกันการเสียชีวิตในผู้สูงอายุได้ดีประมาณร้อยละ 70 แต่ถ้าว่าด้วยเรื่องของการป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อเลย
ตัวเลขจะตกลงมาอยู่ประมาณร้อยละ 50
วัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค เป็นวัคซีนที่ผลิตมาจากเชื้อไวรัสที่ตายสนิทแล้ว ซึ่งเทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีที่เคยมีการใช้มาก่อน เช่น วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
ดังนั้น ทางการแพทย์ประเทศไทยจึงคุ้นเคยมานานแล้ว
สำหรับแพทย์ สิ่งที่ต้องการมากที่สุดและเป็นประเด็นหลักของการฉีดวัคซีน คือ ป้องกันไม่ให้มีผู้เสียชีวิต ลดความรุนแรงของโรค และลดการนอนโรงพยาบาล
และจากการศึกษาทดลองในคนหลักหมื่นคน พบว่า กลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนยังไม่พบผู้ที่มีอาการรุนแรงจากตัวโรค
ไหนๆ ก็มีคำถามมากันแล้ว เมื่อมีคำตอบออกมา
เมื่อมีคำตอบ ก็ต้องรับฟัง
นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]