จ ากกรณี โควิด-19 แพร่ระบาดหนักในพื้นที่เรือนจำหลักของกรุงเทพมหานคร หรือที่เรียกขานกันว่า คลัสเตอร์เรือนจำ
นับเป็นอีกครั้งที่ประชาชนต้องเป็นประจักษ์พยานให้แก่การวิ่งไล่แก้ ปัญหาโควิด หน้างานของรัฐบาล ซึ่งมักปล่อยให้ปัญหาใหญ่อุบัติลุกลามขึ้นก่อน (พร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์และ/หรือเสียงด่า) แล้วจึงค่อยๆ ตามมาแก้ไข
ทั้งๆ ที่หากพยากรณ์คาดการณ์ด้วยตัวเลขสถิติแนวโน้มต่างๆ หากประเมินจากประสบการณ์ทั้งภายใน และภายนอกประเทศ รวมถึงสภาพการณ์ความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ในเรือนจำ เช่น ปัญหาความแออัดของพื้นที่ ปัญหาผู้ต้องขังล้นเกิน หรือการไหลเวียน-มีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้คนต่างแดนต่างเรือนจำ
เราก็ควรมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในพื้นที่เรือนจำ ที่เข้มแข็ง รัดกุม และรอบด้าน มาตั้งแต่ต้น
ขณะเดียวกัน เมื่อเกิด ปัญหาใหญ่ ขึ้นแล้ว แทนที่กระทรวง
ยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์จะมัวเสียเวลาไปกับการพยายามปฏิเสธว่า รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำคณะราษฎร ซึ่งเพิ่งได้รับอิสรภาพ
(รวมทั้งสมาชิกครอบครัวและทนายความ) อาจไม่ได้ติดโควิดจาก คลัสเตอร์เรือนจำ
หน่วยงานดังกล่าวควรจะหันมาเร่งรับผิดชอบและแก้ไขสถานการณ์แพร่ระบาดของ โควิด-19 ในพื้นที่ภายใต้การควบคุมดูแลของตนเองมากกว่า
โดยต้องคำนึงเป็นอย่างยิ่งว่านี่คือภารกิจด่วนในการปกป้องชีวิตมนุษย์/ประชาชน/พลเมืองอีกกลุ่มหนึ่งของประเทศ มิใช่ภารกิจการลงโทษคุมขัง
ผู้ต้องหา-นักโทษ อันเป็น งานรูทีน ในช่วงเวลาปกติ
ทั้งนี้ ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดภายในเรือนจำ ไม่อยู่ ต่อไปเรื่อยๆ ประชาชนก็ย่อมมองเห็นภาพ กระบวนการยุติธรรม ของประเทศที่ล้มเหลวเรรวนแบบครบสูตร
ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ยันปลายน้ำ ตั้งแต่คดีการเมืองยันปัญหาสิทธิมนุษยชน
และการดูแลสวัสดิภาพของผู้คน (ทั้งข้าราชการสังกัดราชทัณฑ์และผู้ต้องขัง) กลางวิกฤตโควิด
ในส่วนของรัฐบาลเอง นี่ก็เป็นอีกหนึ่งงานหนัก หรือปัญหาใหญ่ข้อใหม่ที่เคลื่อนตัวเข้ามากระหน่ำซ้ำเติม รัฐนาวาประยุทธ์ จันทร์โอชา
หลังจากการพยายามสร้างความเชื่อมั่นเรื่อง วัคซีน ในหมู่ประชาชนยังไม่สำเร็จสมบูรณ์ดี
พร้อมๆ กับโจทย์เพิ่มเติมว่า การตั้งโรงพยาบาลสนาม หรือไอซียูสนามในเรือนจำ จะแก้ปัญหาที่กำลังลุกลามได้เพียงพอหรือไม่? หรือจะต้องใช้มาตรการอื่นๆ ประกอบ เช่น การปล่อยตัวผู้ต้องขังบางส่วน หรือระบายคนจำนวนหนึ่งไปยังเรือนจำแห่งอื่นๆ ฯลฯ
ซึ่งย่อมจะนำไปสู่การตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงถึงศักยภาพของรัฐบาล ศบค. และตัวนายกรัฐมนตรีเอง โดยไม่ต้องสงสัย
ถัดจากวิกฤตในพื้นที่เรือนจำ เริ่มมี ผู้หวังดี บางส่วนเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า หลังการเข้ารายงานตัวของ ทหารเกณฑ์ผลัดใหม่ ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ อาจเกิด คลัสเตอร์ใหม่ ตามค่ายทหาร
นี่ก็เป็นการบ้านที่กระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพต่างๆ ต้องเตรียมการรับมือเอาไว้เสียแต่เนิ่นๆ
ปราปต์ บุนปาน