ผู้เขียน | สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : น็อกยก 2
ไม่ผิดคาดจริงๆ ที่ประเมินว่าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เพิ่งผ่านพ้นไป ท่ามกลางความเดือดระอุภายในรัฐบาลเอง เชื่อกันว่านั่นเป็นเพียงยกแรก ยังจะต้องมียกต่อๆ มาอีกแน่นอน ลงเอยพอขึ้นยก 2 ดุเดือดยิ่งกว่า ด้วยการให้ 2 รัฐมนตรีช่วยพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน
น่าสังเกตว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 9 กันยายน ร.อ.ธรรมนัส ได้แถลงต่อสื่อมวลชนที่รัฐสภา ถึงการยื่นใบลาจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่อนายกฯแล้ว
โดยยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ไม่จบ จึงไม่สบายใจ และตัดสินใจลาออก เพื่อกลับไปทำงานที่จังหวัดพะเยาในฐานะ ส.ส. และเรื่องนี้ได้แจ้งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค รับทราบแล้ว
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ได้มีประกาศราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ทั้ง 2 รายดังกล่าว
ซึ่งเนื้อความ ระบุว่า บัดนี้นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า สมควรให้รัฐมนตรีบางคนพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีดังต่อไปนี้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
ถ้ามองเนื้อความประการนี้ ย่อมแตกต่างไปจากกรณีรัฐมนตรีรายอื่นๆ ที่ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งในราชกิจจานุเบกษาจะระบุเอาไว้ชัดเจนถึงการขอลาออก
แต่ในกรณีของ ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมล ไม่ปรากฏข้อความการขอลาออกแต่อย่างใด
ตีความได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น
ถ้าย้อนไปดูศึกยกแรก ในท่ามกลางการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและอีก 5 รัฐมนตรี ที่พุ่งเป้าไปยังความผิดพลาดล้มเหลวด้านวัคซีนจนหยุดการแพร่ระบาด
โควิดไม่ได้ เศรษฐกิจฟื้นไม่ได้
เกิดการเคลื่อนไหวในพรรคพลังประชารัฐทำนองว่า ความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลในเรื่องวัคซีนนั้นรุนแรงอย่างมาก ทำให้ ส.ส.จำนวนหนึ่งเห็นควรว่าต้องฟังเสียงประชาชนในการตัดสินใจลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ
พ่วงกับปัญหาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเป็นผู้เสนอชื่อให้ขึ้นเป็นนายกฯ แต่ที่ผ่านมากลับไม่สนใจไยดีในพรรคและส.ส. รวมไปถึงกรณีเลขาธิการพรรค คือ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ได้รับเก้าอี้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ
ลุกลามไปถึงเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อีกด้วย
ทำท่าเสียงโหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะทะลุเป้า ถ้าหาก ส.ส.พลังประชารัฐสัก 40 เสียง ร่วมโหวตกับฝ่ายค้าน
ทำเอา พล.อ.ประยุทธ์เอง ออกอาการเคร่งเครียดเห็นได้ชัด ต้องนัดเคลียร์กันหลายรอบ โดย บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องลงมาร่วมประกาศความเหนียวแน่นของ 3 ป.ด้วยตัวเอง
สุดท้าย ร.อ.ธรรมนัส ยอมถอย การลงมติผ่านพ้นไปได้ แต่ก็เป็นการผ่านท่ามกลางรอยร้าวที่ยังร้อนระอุ
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยังรักษาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อไปได้ ร.อ.ธรรมนัส จึงกลายเป็นฝ่ายที่รักษาเก้าอี้รัฐมนตรีต่อไปไม่ได้ พ่วงกับนางนฤมลไปด้วย
น่าสนใจต่อไปว่า จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเลขาธิการพรรคโดนสั่งให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน