ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : ปล่อยให้ลามไปเรื่อยๆ โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
เห็นภาพข่าวสถานการณ์ในพม่า หลังนักศึกษานำประชาชนออกมาต่อต้านรัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วถูกปราบปราม เกิดความรุนแรงยืดเยื้อยาวนาน จากนั้นก็พัฒนาการต่อสู้ไปอีกขั้น คนหนุ่มสาว ดารา ศิลปิน นางงาม เดินทางเข้าป่าร่วมกับกองกำลังกลุ่มน้อย จับปืนสู้เพื่อหวังปลดปล่อยประเทศ
ขณะที่ในบ้านเรา อยู่ในช่วงการรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งผ่านมาแล้ว 45 ปี แต่ไม่มีใครลืม
นอกจากภาพนักศึกษาถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสนามหลวงเมื่อปี 2519 แล้ว อีกภาพที่ติดตามมาหลังจากนั้น คือ คนหนุ่มสาวแห่กันเข้าป่าจับปืนร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ สู้รบกับกองทัพรัฐบาล จนพื้นที่สงครามขยายตัวไปกว้างขวาง
ที่พม่ากำลังเกิดภาพเดียวกันนี้ ในบ้านเราเกิดมาเมื่อ 45 ปีก่อน
แต่น่าคิดว่า สถานการณ์ในประเทศเราเอง ยังคงวนเวียนไม่พัฒนาไปไหน คนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระดับโครงสร้าง แล้วเกิดการสลายม็อบ ไล่จับกุมแกนนำยัดเข้าคุก ขณะที่วัยรุ่นอาชีวะ ออกมาเคลื่อนไหวทุกวี่วันแบบไม่ต้องนัดหมาย เกิดการปะทะกับตำรวจ คฝ.ในทุกค่ำคืน
ในช่วง 2 เดือนเศษที่ผ่านมานี้ สถานการณ์ม็อบวัยรุ่นกับตำรวจ คฝ. มีความรุนแรงเกิดขึ้นทุกวัน แต่ไม่มีความคิดจากรัฐบาลว่า ควรจะต้องหาทางแก้ไขอย่างไร
ได้แต่มีคำแถลงว่า ห่วงอนาคตของเด็กเหล่านี้ พร้อมกับเตือนซึ่งก็แค่คำกล่าวหาเลื่อนลอย ทำนองว่าคนที่อยู่เบื้องหลังว่าอย่าได้ยุยงเด็กให้ออกมากระทำผิดกฎหมายเลย จะถูกดำเนินคดีสูญเสียอนาคต
ได้แต่ห่วงใย แต่ไม่คิดแก้ปัญหา และยังพูดถึงปัญหาแบบผิดๆ
ม็อบคนรุ่นใหม่ที่เคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ มีประเด็นข้อเสนอแหลมคม ชุมนุมอย่างสันติวิธี ก็ไม่เคยมีแนวทางรับฟังปัญหา หรือเจรจาหาทางออกจากรัฐบาล
ม็อบเด็กวัยรุ่นที่เคลื่อนไหวทุกคืน ก็ไม่มีทีท่าจะหาทางออกจากรัฐบาล
ทั้งที่หลักการแก้ปัญหานั้นมีระดับที่ชัดเจน ถ้าเป็นวัยรุ่นก่อเหตุรุนแรงทั่วไป ก็ใช้ตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ถ้าเป็นวัยรุ่นที่มีแนวคิดเชื่อมโยงกับม็อบคนรุ่นใหม่ ต่อสู้ด้วยประเด็นทางการเมือง ก็ต้องแก้ไขด้วยการเมือง ไม่ใช่เอาแต่ปราบและจับ
เหมือนสถานการณ์ใน 3 จังหวัดใต้ รุนแรงและยืดเยื้อมาเกือบ 20 ปีแล้ว สูญเสียไปมากมาย ทั้งเงินงบประมาณ ชีวิตประชาชน ชีวิตทหารตำรวจชั้นผู้น้อย
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารพราน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สูญเสียไปหลายนาย ล่าสุดนายทหารระดับร้อยโท เสียชีวิตในยุทธการที่บาเจาะ นราธิวาส
ผู้นำรัฐบาลก็แสดงความเสียใจ สั่งการให้ดูแลช่วยเหลือครอบครัว จัดสวัสดิการชดเชยให้พร้อม แต่ไม่เห็นแนวทางดับไฟให้ถึงต้นตอ
ทั้งที่ 3 จังหวัดใต้ ไม่ใช่โจรใต้ แต่เป็นผู้ก่อความไม่สงบซึ่งเป็นคนในพื้นที่ มีต้นเหตุจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองการปกครอง
ทางออกก็ต้องแก้ด้วยการเมือง ด้วยการเจรจา และการจัดสภาพสังคมให้สอดรับกับวิถีของคนส่วนใหญ่
แต่ไม่มีความคิดจะแก้ไขอะไร ปล่อยไปเรื่อยๆ ตายกันไปเรื่อยๆ
ที่กรุงเทพฯ ก็ไม่คิดจะแก้ปัญหาการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ ปล่อยให้พัฒนาลุกลามไปเรื่อยๆ
ระยะนี้รำลึก 6 ตุลาคม เหตุรุนแรงเมื่อ 45 ปีก่อน ซึ่งต้องไม่ลืมว่าจากนั้นยกระดับเป็นการเข้าป่าจับปืน
ดูแล้วบ้านเมืองเราไม่ไปไหนจริงๆ ไม่เคยคิดจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง อย่างเสมอภาคเป็นธรรม เพื่อความสงบสุขของคนทุกระดับทั้งสังคม