สถานีคิดเลขที่ 12 : ลิงแก้แห โดย จำลอง ดอกปิก

สถานีคิดเลขที่ 12 : ลิงแก้แห หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

สถานีคิดเลขที่ 12 : ลิงแก้แห โดย จำลอง ดอกปิก

หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นเนื้อเดียวกัน

หากไม่ใช่

ลำพัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คงอยู่ในตำแหน่งอย่างเหนียวแน่นมั่นคงไม่ได้เป็นอันขาด เมื่อต้องประมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

การรุกล้างไพ่ อันมาจากทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด เป็นอีกคำตอบที่ชัดเจนที่สุด

Advertisement

ผู้กองธรรมนัส ประคองร่างอยู่ได้ด้วยใคร

หากมิใช่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้ออกโรงเบรกเกม ลาออกของกรรมการบริหารพรรค ล้มแผนการปรับโครงสร้างใหม่ เด็ดธรรมนัสทิ้ง ตัดการซ่องสุมกำลัง ส.ส.ต่อรอง เขย่ารัฐบาล

การันตีธรรมนัสเหมาะสมกับตำแหน่งที่สุด

Advertisement

ยืนยันไม่เปลี่ยนตัว ดับไฟแต่ต้นลม มิให้ลุกลามถึงเก้าอี้ธรรมนัส

พลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล อยู่ระหว่างหาสูตรจัดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายใน ที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล

โมเดลใหม่ นำเสนอพิมพ์เขียวโดย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

จะมีการจัดแบ่งโซนใหม่ออกเป็น 10 ภาค แต่ละภาคมีหัวหน้าภาคมาจาก ส.ส.ในแต่ละภาคเลือกกันเอง มารับผิดชอบแต่ละพื้นที่

เพื่อลดการบริหารแบบรวมศูนย์

กระจายอำนาจให้แกนนำทุกกลุ่ม ทุกภาคเข้ามามีบทบาท บริหารขับเคลื่อนพรรค

ไม่ก้าวก่าย ข้ามโซน

และอาจเพิ่มสัดส่วนรองหัวหน้าพรรค ขึ้นมาดูแล 10 โซนนี้ จากปัจจุบันมีอยู่ 4 คน เพิ่มอีก 6 เป็น 10 คน

หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ

ผู้นำเสนอสูตรมั่นใจว่า แกนนำพรรค รวมถึงบรรดารัฐมนตรี ผู้ให้การสนับสนุน ‘บิ๊กตู่’ ที่ได้รับเลือกนั่งหัวหน้าภาค จะมีที่อยู่ที่ยืนชัดเจน มีบทบาทดูแลพื้นที่ และ ส.ส.ในโซน

ซึ่งแน่นอนว่า นี่คือกองกำลัง ฐานเสียงสนับสนุนค้ำชู ‘บิ๊กตู่’

เป็นการแก้เกมผู้นำขาลอย

ขณะที่ฝั่ง ‘บิ๊กป้อม’ ยังคงมีธรรมนัสขนาบ เคียงข้างเหมือนเดิม

แนวทางนี้ ดูผิวเผิน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

แต่ที่แฝงอยู่คือ ความเป็นยูนิเวอร์แซล ภารกิจครอบจักรวาลของธรรมนัส ถูกบั่นทอน ไปอยู่กับแต่ละโซน แต่ละภาคแทน

อันเท่ากับลดบทบาทเลขาธิการพรรค

การผลักดัน ปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ สูตรใหม่

เบื้องต้นนี้ มีแนวโน้มความเป็นไปได้ไม่น้อยที่จะประสบความสำเร็จ ได้รับความเห็นชอบจาก กก.บห.พรรค

แต่ในทางปฏิบัติ การจัดแถวตาม โครงสร้างใหม่นี้ จะแก้ไข ลดทอน บทบาท อิทธิพล เลขาฯพรรค ที่มีต่อ ส.ส. ได้จริงหรือไม่ ยังเป็นคำถาม

เนื่องจาก หัวหน้าและเลขาธิการพรรคนั้น มีบทบาทสำคัญ

มิได้ทำหน้าที่แต่เพียงตามกฎหมาย ข้อบังคับพรรคเท่านั้น ซึ่งนั่นจะว่าไปแล้ว เสมอเป็นเรื่องเชิงพิธีกรรม และธุรการ

ทุกพรรคต้องทำตามกฎ ข้อบังคับเหมือนกัน

แต่ในความเป็นจริง หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ต้องทำ ต้องบริหารจัดการ อะไรต่อมิอะไรคุมกลไกการขับเคลื่อน สร้างพรรค ยิ่งกว่านั้น

ทั้งเรื่องในสารบบ และโดยเฉพาะที่มิได้อยู่ในสารบบทางการ ซึ่งหมายรวมถึงการระดมทุน หาทุน

เปิดหัวจ่าย บริหารการเมือง สร้างบารมีการนำ

ฉะนั้น หากการปรับโครงสร้าง โดยตั้งหัวหน้าภาค 10 ภาค มีหมุดหมายที่การสลาย ลดทอน บทบาทเลขาฯ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ภายใน

ด้วยการโอนถ่ายอำนาจไปอยู่ที่ภาค

ย่อมมองเห็นได้ว่าจะคาดหวังผลสำเร็จในการแก้ปัญหาได้แค่ไหน หรือไม่ได้เลย

ตราบใดยังมีตัวจริง คุมเบ็ดเสร็จทุกอย่าง คุมทรัพยากรในการบริหารการเมือง การเลือกตั้ง

ส.ส.-สมาชิกพรรค ก็ไม่ตีจากหัวหน้า-เลขาฯ แยกไปขึ้นตรงกับคนคุมภาค

การเมืองมันไม่ได้แยกคนตามโซน ตามกายภาพได้ง่ายดาย ตื้นเขินแบบนั้น

มิพักต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า พรรคที่มีหัวหน้าเป็นพลเอก กับเรื่องกระจายอำนาจ มันสวนทางย้อนแย้ง อย่างสิ้นเชิง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image