ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : บอกแล้วต้องฟัง โดย นฤตย์ เสกธีระ [email protected]
ใครได้ฟังการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้วคงได้เห็นภาพความขัดแย้งทางความคิด
จำลองภาพความเห็นต่างจากเฟซบุ๊กของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นำเอาความเห็นของ ส.ว. กับคำชี้แจงของอาจารย์ปิยบุตรมาประกบกัน ทำให้รับรู้ความเห็นต่าง
ประเด็นที่มีการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนั้น ประกอบด้วย 1 รวมศูนย์ 2 บั่นทอน และ 4 ควบคุม
ประเด็น รวมศูนย์
ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเห็นว่า ร่างแก้ไขฉบับนี้รวมศูนย์อำนาจที่สภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่ผู้ชี้แจงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปฏิเสธการรวมศูนย์อำนาจ
ยืนยันว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ปัญหาการรวมศูนย์อำนาจจากองค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ประเด็น บั่นทอน
ผู้ที่ไม่เห็นด้วยระบุว่ามีบั่นทอน 2 ประการ
ประการแรก บั่นทอนความเป็นอิสระในการพิพากษาคดีของศาล ประการที่สอง บั่นทอนการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจโดยศาล และองค์กรอิสระ
ผู้ชี้แจงมองว่า ประเด็นบั่นทอนแรก เกี่ยวพันกับการบัญญัติว่า ห้ามศาลใดๆ รับรองการรัฐประหาร ซึ่งผู้เสนออธิบายว่า ต้องการบัญญัติข้อความดังกล่าวเพื่อให้ศาลใช้อ้างอิงในการไม่รับรองรัฐประหารอีก
ในมุมมองของผู้ชี้แจงเห็นว่า การที่ศาลปกป้องประชาธิปไตย จะทำให้ศาลสูงเด่น
ส่วนการบั่นทอนที่สอง ที่ผู้ชี้แจงมองว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยหมายถึงการห้ามศาลรัฐธรรมนูญขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ
เรื่องนี้ผู้ชี้แจงอธิบายว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจ 2 อำนาจ
หนึ่ง คือ อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ กับอีกหนึ่ง คือ อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ
อำนาจศาลรัฐธรรมนูญได้รับจากรัฐธรรมนูญ และอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญมีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ
อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญใหญ่กว่าอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกลับให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นอำนาจสถาปนาที่เหนือกว่าอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ จึงเสนอแก้ไข
ประเด็น ควบคุม
ผู้ไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ อธิบายว่าร่างแก้ไขนี้ 1.ควบคุมงบประมาณ ทั้งตั้งงบฯ และใช้งบฯ 2.ควบคุมคนที่จะไปนั่งในองค์กรอิสระ 3.ควบคุมคำวินิจฉัย และ 4.ควบคุมการถอดถอน
ขณะที่ฝ่ายชี้แจง เห็นว่า งบประมาณเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร ไม่เกี่ยวกับองค์กรอิสระหรือศาลรัฐธรรมนูญ
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่ใช่การควบคุม แต่ยึดหลักถ่วงดุล
และยืนยันว่าหลักถ่วงดุลทำให้เสียงข้างมาก ยึดครององค์กรอิสระไม่ได้
ส่วนรูปแบบการถอดถอนนั้น ฝ่ายชี้แจงระบุว่า นำมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540
เปลี่ยนเพียงผู้มีอำนาจถอดถอนจากเดิมที่กำหนดให้วุฒิสภามีอำนาจ
เปลี่ยนมาเป็นให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ถอดถอน เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ไม่มีวุฒิสภา
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของความเห็นต่าง
เห็นต่างและโต้แย้งในรัฐสภา
เป็นมุมมองความเห็นที่ว่า ประเทศไทยควรกำหนดให้ใครมีอำนาจ
สภาผู้แทนราษฎร หรือองค์กรอื่นที่ไม่ใช่สภา
เป็นมุมมองที่เกี่ยวพันกับคนทั้งประเทศ
น่าเสียดายที่ความเห็นต่างดังกล่าวจบลงไปด้วยคนไม่เกิน 750 คน
เรื่องใหญ่เช่นนี้น่าจะให้คนทั้งชาติมีส่วนร่วม
ประชาชนคนไทยน่าจะมีโอกาสได้เลือก
เราจะมีรัฐธรรมนูญแบบใด?