| ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
|---|
ดูเหมือนว่าแพทย์เริ่มมองไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้นในกรณีการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
มองว่าการระบาดครั้งนี้น่าจะนำไปสู่โรคประจำถิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องนี้ ศบค.ก็มองเช่นนั้น โดยจำแนกระยะเวลาที่โรคโควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น 4 ระยะ
1.ระยะขาขึ้น มีจำนวนของผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2.ระยะคงที่ ผู้ติดเชื้อมีจำนวนคงที่ ไม่เพิ่มสูงขึ้นไปกว่าเดิม 3.ระยะผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง และ 4.ระยะที่ออกจากการเป็นโรคระบาดเป็นโรคประจำถิ่น
คาดว่าวันที่ 1 กรกฎาคม ประเทศไทยจะเข้าสู่ระยะที่ 4
ขณะเดียวกัน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงเรื่อง “3P Safety for Resilience in Healthcare” ในการประชุมวิชาการประจำปี HA
National Forum ของสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน)
กล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด-19 กำลังเข้าสู่ปลายทาง
ขยายความว่า สายพันธุ์ที่ระบาดขณะนี้คือโอมิครอน ซึ่งดูเหมือนน่ากลัวเพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อวิ่งขึ้น
แต่สุดท้ายเราจะไปสู่กระบวนการเลิกตรวจหาเชื้อ เหมือนกับอีกหลายประเทศ เพราะสายพันธุ์นี้ก่อโรคไม่รุนแรง เมื่อโรคไม่รุนแรง เมื่อมีการติดเชื้อ 2 สัปดาห์ก็มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นเอง
ผนวกรวมกับการฉีดวัคซีนครอบคลุมมากขึ้น ทำให้ในที่สุดโรคจะค่อยๆ สงบลง
ตอนนี้อยู่ระหว่างการบริหารเพื่อให้โรคโควิด-19 ก้าวไปถึงจุดปลายทาง
ฟังเช่นนี้แล้ว รู้สึกได้ว่า วิกฤตโรคโควิด-19 กำลังคลี่คลาย
แต่เมื่อปรากฏข่าว สายพันธ์ BA.2.2 ที่ระบาดในฮ่องกง และมีผู้เสียชีวิตในเปอร์เซ็นต์ที่สูง
ทำให้สถานการณ์ยังประมาทไม่ได้
ขณะที่ศึกเก่ายังยืดเยื้อ ศึกใหม่ก็ประดังเข้ามา เมื่อเกิดสงครามรัสเซียบุกยูเครน ทำให้พลังงานแพง สินค้าและบริการก็จ่อตบเท้าขึ้นราคา
ลำพังตอนที่โรคโควิด-19 ระบาดแรกๆ ไทยล็อกดาวน์ เดินทางน้อย การค้าเกิดปัญหา
พอมาถึงตอนนี้ แม้จะปลดล็อก เดินทางไปไหนมาไหนก็ได้
แต่พอน้ำมันแพง การเดินทางก็ลดลงเช่นกัน
ตอนที่โรคโควิด-19 ระบาด คนไทยต้องอยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปทำมาหากิน รัฐบาลต้องเยียวยา
มาถึงตอนนี้ แม้คนไทยจะทำมาหากินได้ แต่ราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวขึ้น ทำให้การใช้จ่ายต้องระมัดระวัง สุดท้ายรัฐบาลต้องช่วยเหลือ
ขณะที่โรคโควิด-19 บรรเทาลง แต่ราคาน้ำมันกระโดดขึ้นสูง ค่าไฟฟ้าปรับราคา วัตถุดิบอาหารสัตว์ ราคาปุ๋ยอั้นไม่อยู่ แอบขยับขึ้น
เท่านี้ทุกหย่อมหญ้าก็เดือดร้อนมากแล้ว
ถ้าการระบาดของ BA.2.2 เข้ามาในไทย และแผลงฤทธิ์ทำให้ผู้เสียชีวิตเพิ่มจำนวนอีก
เท่ากับว่า ทั้งศึกเก่า และศึกใหม่ ตีกระหนาบประเทศไทย
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรีได้ประชุมกันหลายรอบเพื่อรับมือกับวิกฤตพลังงาน
ตอนนี้เมื่อมีข่าวสายพันธุ์ BA.2.2 การบริหารจัดการกับการระบาดต้องเข้มงวดขึ้น
การแก้ปัญหาผลกระทบจากสินค้าราคาแพงก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องดำเนินการ
รัฐบาลรับมือแบบมีความพร้อม คนไทยจะได้ลดความหวาดผวา
ไปๆ มาๆ สถานการณ์ของไทยยังวิกฤต
ศึกเก่าที่คิดว่าจะคลี่คลายก็ต้องระแวดระวัง ขณะที่ศึกใหม่ได้โจมตีกระหนาบเข้าใส่
ประชาชนฝากความหวังไว้ที่รัฐบาล หวังว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้คลี่คลายลง
นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]
