| ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
|---|
ยังอยู่ในเทศกาลเปิดตัวพรรคการเมือง ทั้งเปิดตัวใหม่ ทั้งประกาศจัดตั้ง อยู่ระหว่างดำเนินการ
ที่เปิดตัวอีกพรรคเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา คือ พรรคสร้างอนาคตไทย หรือ สอท. จัดการประชุมใหญ่ เลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค
ผลคือ นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน เป็นเลขาธิการพรรค
คนดังที่ไปร่วมกับพรรคนี้ มีอาทิ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกฯ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ, นายวิเชียร ชวลิต อดีตปลัดกระทรวง อดีตผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ
นายอุตตมเปิดใจบนเวทีว่า ปัญหาเร่งด่วนคือ การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับการพัฒนาประเทศ
หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงการสร้างอนาคตที่ดีให้กับคนรุ่นนี้และต่อไป การหยุดวงจรความยากจน และโอกาสที่เท่าเทียมในการเข้าถึงที่ทำกินสวัสดิการที่สมควรได้ เช่น การศึกษาที่มีคุณภาพ ความยุติธรรมที่ไม่เสมอภาค ระบบและโครงสร้างรัฐราชการที่ไม่สามารถตอบโจทย์ประชาชน
พร้อมกับเปิดเผยชุดนโยบาย 5 สร้างคือ 1) สร้างเศรษฐกิจฐานรากไทยให้เข้มแข็งและทันสมัย 2) สร้างเศรษฐกิจใหม่หรือโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต 3) สร้างคนและวิทยาการที่พร้อมที่ก้าวสู่สังคมโลกแห่งอนาคต 4) สร้างสังคมที่เป็นธรรมและเกื้อกูล และ 5) สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ เพราะที่ผ่านมาเราติดกับดักการแย่งชิงอำนาจ คือเมื่อเข้าสู่อำนาจแล้วก็จะยึดติด และพยายามสืบทอดอำนาจ ก่อให้เกิดความร้าวฉาน และแบ่งพรรคแบ่งพวก นำไปสู่ภาวะชะงักงันในการบริหารราชการประเทศ
ทางนายอุตตมเผยด้วยว่า จะเสนอ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เพราะสามารถเป็นผู้นำประเทศในอนาคตได้
ถือเป็นพรรคฟอร์มใหญ่พอสมควร ในระดับที่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มาเสนอต่อประชาชนอย่างชัดเจน
แกนนำมาจากอดีตทีมเศรษฐกิจของ พปชร. แนวทางนโยบายก็ยังเน้นไปที่เรื่องเศรษฐกิจ การสร้างหลักประกันที่ดีให้กับประชาชนคนไทย
และจากนี้ไป คงได้เห็นนักการเมืองจากพรรคนี้ออกเดินสายหาเสียง เสนอแนวคิดและนโยบายต่อประชาชน ส่วนประชาชนจะว่ายังไง จะเข้าตาหรือไม่ ต้องลุ้นกันต่อไป
และยังไม่หมดเท่านี้ ยังจะมีอีกหลายพรรคที่รอจังหวะเปิดตัว รอลงสนาม
ในมุมของประชาชนถือเป็นเรื่องดี เพราะเท่ากับมีตัวเลือกให้ประชาชนได้ตัดสินใจมากขึ้น
เสียงปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้นอีกระดับ ใครสนใจอาสามาบริหารประเทศตามวิถีทางอย่ามัวใจเย็น
เอาเข้าจริงๆ เวลาเหลือไม่มากแล้ว
วรศักดิ์ ประยูรศุข
