สถานีคิดเลขที่ 12 : การเมืองเริ่มฟื้น

สถานีคิดเลขที่ 12 : การเมืองเริ่มฟื้น

ก่อนสิ้นเมษายน แต่ละพรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่ ทำให้การเมืองคึกคัก

ผลการประชุมแต่ละพรรคเป็นไปตามที่ทุกคนได้ทราบ

พรรคพลังประชารัฐที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้า และประกาศกวาด ส.ส. 150 ที่นั่ง แต่ฟังแล้วไม่หนักแน่นเท่าพลังประชารัฐเมื่อปี 2562

อาจเป็นเพราะที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐมีแต่ข่าวคนไหลออก

Advertisement

ด้านพรรคเพื่อไทย หลังจากโชว์ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทำให้ภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่แจ่มชัด

ยิ่งเมื่อกำหนดหน้าที่ให้เป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมฯ ยิ่งแจ่มแจ้ง

การประชุมพรรคครั้งนี้ตอกย้ำเหตุผลที่ต้อง “แลนด์สไลด์”

Advertisement

เพราะพรรคนี้ถูกกาหัวเอาไว้แล้วว่าไม่ให้เป็นรัฐบาล ถ้าจะทำให้พ้นคำสาปต้องอาศัยพลังโหวตจากประชาชน

ดังนั้น จึงตั้งเป้าหมาย ส.ส.สูงถึง 253 เสียงตามที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ประกาศ

ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ดูชิวๆ กว่าพรรคอื่น เพราะมี ส.ส.เก่าที่คุ้นพื้นที่อยู่กันแน่ และยังมี ส.ส.ย้ายมาซบ แล้วอาจมีมาสมทบเพิ่มอีก

ทำให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค มั่นใจว่าจะกวาดเกิน 100 ที่นั่งในสมัยหน้า

ที่อาการน่าเป็นห่วง หนีไม่พ้นพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการประชุมล่าสุดมีเสียงโวยเรื่อง “ปิดไมค์”

แม้จะมีการชี้แจงข่าวว่าเป็นเหตุมาจาก “ซูมหลุด” แต่พิษจากคดี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ก็ยังตามราวี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และแกนนำอยู่ ไม่ทราบว่าจะลงเอยอย่างไร

ด้านพรรคชาติพัฒนา แต่งตั้ง นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นั่งประธานยุทธศาสตร์พรรค ประกาศทวงแชมป์ ส.ส.โคราช ทำให้เลือกตั้งคราวหน้า พื้นที่แห่งนี้ดุเดือดแน่

ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ประกาศเดินหน้า ชูคนรุ่นใหม่เข้ามาขับเคลื่อน ขณะที่ นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค ผลักดันให้ นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นนายกฯ

ถ้าเป้าหมายของพรรคต้องการให้ลูกท็อปเป็นนายกฯ สงสัยว่า เป้าหมาย ส.ส.คงต้องเกิน 25 ที่นั่งไปอีกเยอะ

ยังมีพรรคอื่นๆ ที่มีความเคลื่อนไหว รวมทั้งพรรคการเมืองใหม่อย่าง พรรคสร้างอนาคตไทย ที่ตั้ง นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเลขาฯ และเปิดตัวแกนนำพรรค อาทิ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เป็นรองหัวหน้าพรรค มาช่วยลุย

แต่ที่ชัดแจ้งแจ่มชัดที่สุดคือการชู นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในครั้งหน้า

ความเคลื่อนไหวแต่ละพรรคการเมืองในช่วงสุดสัปดาห์ ส่งสัญญาณก่อนเปิดสมัยประชุมสภาในเดือนพฤษภาคม

เชื่อว่าทุกพรรคต่างมีเป้าหมาย และต้องใช้เวทีสภา สร้างโอกาสสู่เป้าหมาย

ดังนั้น การประชุมสภาที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นช่วงเวลาที่ทุกพรรคต้องแสดงฝีมือ ทำให้อุณหภูมิการเมืองในเดือนพฤษภาคมตั้งแต่เปิดสมัยประชุมเป็นต้นไปเดือดปุดปุด

เป็นความร้อนแรงในเกมการเมืองภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย

เป็นเครื่องยืนยันว่า การเมืองแบบประชาธิปไตยเริ่มฟื้น

ความร้อนแรงเช่นนี้ดีกว่าความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นในช่วงการยึดอำนาจ

ดังนั้น การต่อสู้ทางการเมือง ต้องไม่เปิดโอกาสให้ใครมาสุมไฟ สร้างสถานการณ์อันจะนำไปสู่การล้มเลือกตั้ง

เหมือนอย่างที่เคยทำ

นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image